ความรู้พื้นฐานของการวิจัย

(พื้นฐานการวิจัย)

จุดมุ่งหมายของการวิจัย

เป้าหมายของการวิจัย

มุ่งหาคำตอบเพื่อนมาใช้แก้ปัญหา

การวิจัยเป็นการสรุปผล หลักเกณฑ์ และทฤษฏีที่ใช้ในการคาดคะเนเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

เก็บรวบรวมข้อมูล หรือปรากฏการณ์ที่สังเกตได้มาใช้ในการสรุปผล

จรรยาบรรณของนักวิจัย

ซื่อสัตย์และมีคุณธรรมในทางวิชาการและการจัดการ

ตระหนักถึงพันธกรณีในการทำงานวิจัย ตามข้อตกลงที่ทำไว้กับหน่วยงานที่สนับสนุนการวิจัย และต่อหน่วยงานที่ตนสังกัด

มีพื้นฐานความรู้ในสาขาวิชาการที่ทำวิจัย

มีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ศึกษาวิจัย

เคารพศักดิ์ศรีและสิทธิของมนุษย์ที่ใช้เป็นตัวอย่างในการวิจัย

มีอิสระทางความคิด โดยปราศจากอคติในทุกขั้นตอนของการทำวิจัย

นำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในทางที่ชอบ

เคารพความคิดเห็นทางวิชาการของผู้อื่น

มีความรับผิดชอบต่อสังคมทุกระดับ

Meaning of Research

เป็นกระบวนการแสวงหาความรู้ที่มีระบบ มีขั้นตอนที่ชัดเจนปราศจากอคติส่วนตัว สามารถตรวจสอบได้ที่ผู้วิจัยนำมาใช้ศึกษา ค้นคว้าข้อเท็จจริง เพื่อนำไปใช้อธิบายปรากฏการณ์ ทางสังคม หรือพัฒนาเป็นกฎ ทฤษฏี หรือนำไปใช้ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง แม่นยำและเชื่อถือได้

ขั้นตอนในการวิจัย

เลือกหัวข้อปัญหา

การกำหนดขอบเขตของปัญหา

วางแผนรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่เหมาะสม

รู้ถึงเทคนิคต่างๆ ที่เหมาะสมในการเลือกกลุ่มตัวอย่าง

มองเห็นภาพอย่างแจ่มชัดว่าจะต้องทำอะไรบ้าง

การศึกษาเอกสารและผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

การกำหนดสมมุติฐาน

การเขียนเค้าโครงการวิจัย

ชื่องานวิจัย

ภูมิหลังหรือที่มาของปัญหา

วัตถุประสงค์

ขอบเขตของการวิจัย

ตัวแปรต่าง ๆ ที่วิจัย

การเขียนคำถามวิจัย

เป็นจุดเริ่มต้นในการทำวิจัยที่มีความสำคัญช่วยเป็นแนวทางในการทำวิจัย

ข้อความที่เป็นประโยคคำถาม ซึ่งแสดงให้เห็นสิ่งที่ผู้วิจัย
ต้องการค้นหาค าตอบ

นบ่งบอกให้ทราบถึงประเด็นที่ผู้วิจัยต้องการทราบ

แนวคิดพื้นฐานของการวิจัย

Deterministic Law of Nature

ปรากฏการณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นจะสามารถแสวงหาสาเหตุที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์นั้นได้เสมอ ๆ

Systematic Law of Nature

ปรากฏการณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นตามกฎของเหตุและผลของธรรมชาติจะมีรูปแบบของความสัมพันธ์ของ
ตัวแปรที่ค่อนข้างจะชัดเจน

Associative Law of Nature

การเกิดปรากฏการณ์ใด ๆ ที่แตกต่างกันนั้น จะมีความมากน้อยของตัวแปรที่เป็นสาเหตุและตัวแปร
ผลที่แตกต่างกัน

Principle Component of Nature

ตัวแปรสาเหตุและตัวแปรผลที่เกิดขึ้นนั้น ๆ ไม่ได้เป็นความสัมพันธ์เชิงเดี่ยว แต่จะมีตัวแปร
อื่นๆ ที่มักจะมาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ ๆ

Probabilistic Law of Nature

ในปรากฏการณ์ ใดๆนั้น ความรู้ความจริงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ จะเป็นผลลัพธ์ของปรากฏการณ์ ที่
มีความน่าจะเป็นในการเกิดขึ้นที่ค่อนข้างสูง

ธรรมชาติของการวิจัย

การวิจัยเป็นการดำเนินการที่เป็นระบบ

ดำเนินการตามขั้นตอน
วิธีการทางวิทยาศาสตร์

การวิจัยเป็นกระบวนการเชิงประจักษ์

เป็นกระบวนการแสวงหาคำตอบที่ต้องใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ที่มีความถูกต้อง เชื่อถือได้ และมีความชัดเจนที่สามารถตรวจสอบได้

การวิจัยมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน

บรรยาย อธิบาย พยากรณ์ และควบคุม

การวิจัยมีความเที่ยงตรง

ความเที่ยงตรงภายใน ที่สามารถระบุได้ว่าผลการวิจัยที่ได้เกิดจากตัวแปรที่ศึกษา
เท่านั้น หรือผลการวิจัยสามารถใช้อธิบายปรากฏการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความเที่ยงตรงภายนอก ที่จะสามารถนำผลการวิจัยที่ได้ไปใช้ในสถานการณ์ที่มีความคล้ายคลึงกันได้อย่างครอบคลุม

การวิจัยมีความเชื่อมั่น

ดำเนินการซ้ำกี่ครั้งด้วยการดำเนินการวิจัยแบบเดิม ๆ ก็จะได้ผลการวิจัย
ที่คล้ายคลึงกัน

การวิจัยมีเหตุผล

มีความน่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบ ได้อย่าง
ชัดเจน

การวิจัยเป็นการแก้ปัญหา

เริ่มต้นด้วยปัญหาที่เกี่ยวพันกันระหว่างปัญหา(ตัวแปรตาม) กับวิธีการแก้ปัญหา(ตัวแปรต้น)

การวิจัยต้องมีการเก็บรวบรวมข้อมูลใหม

การวิจัยในแต่ละครั้งจะต้องมีการเก็บรวบรวมข้อมูลใหม่เพื่อตอบคำถามตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยนั้น ๆ

การวิจัยมีวิธีการที่หลากหลาย

มีวิธีการในการดำเนินการวิจัยที่ให้
ผู้วิจัยได้เลือกใช้อย่างหลายหลายวิธีการ

การวิจัยต้องใช้ศักยภาพของผู้วิจัย

ต้องดำเนินการโดยที่ผู้วิจัยที่มีความรู้ความสามารถ และมีประสบการณ์ในการวิจัย

คุณลักษณะของการวิจัย

การวิจัย เป็นวิธีการ ๆ หนึ่งที่มนุษย์ใช้เป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ความ
จริง ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่มีระบบและขั้นตอนชัดเจน

มีการกำหนดจุดมุ่งหมายของการวิจัย ในแต่ละครั้งอย่างชัดเจนว่าต้องการอะไร ที่ผู้วิจัยจะใช้เป็นแนวทางในการแสวงหาคำตอบ เพื่อใช้อธิบาย พยากรณ์ และควบคุมปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ๆ

การจัดกระทำข้อมูล

การจัดเตรียมข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์

การบันทึกรอยคะแนน

การลงรหัสข้อมูล

การถ่ายข้อมูลลงคอมพิวเตอร์

Processing

การจัดแบ่งประเภทของข้อมูล

Output

นำผลจากการขั้นตอนที่ได้จากขั้น Processing มาเขียนเป็นรายงาน

การสรุปผลการวิจัยและเขียนรายงาน

บทนำ

การตรวจสอบเอกสาร

วิธีการดำเนินการวิจัย

กลุ่มประชากร

กลุ่มตัวอย่าง

วิธีการสุ่ม
ตัวอย่าง

เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล

ขั้นตอนการดำเนินการรวบรวมข้อมูล

วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล

ผลการวิจัย สรุปผลการวิจัย อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ

ประเภทของการวิจัย

จำแนกตามลักษณะของวิชา หรือศาสตร์

การวิจัยทางวิทยาศาสตร์(Scientific Research)

การวิจัยทางสังคมศาสตร์(Social Research)

จำแนกตามเวลาที่ใช้ในการทำวิจัย

การวิจัยแบบตัดขวาง/ระยะสั้น(Cross-section Research)

การวิจัยแบบต่อเนื่อง (Longitudinal Research)

จำแนกตามประโยชน์ที่ได้รับหรือเหตุผลในการวิจัย

การวิจัยการนำไปใช้(Applied Research)

การวิจัยพื้นฐานหรือการวิจัยบริสุทธิ์(Basic Research or Pure Research)

จำแนกประเภทการวิจัยตามเป้าหมายหลักของการวิจัย

การวิจัยที่มุ่งบรรยายตัวแปร(Descriptive-Oriented Research)

การวิจัยที่มุ่งอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร(Correlation-Oriented
Research)

การวิจัยที่มุ่งแสวงหาความเป็นเหตุเป็นผลระหว่างตัวแปร(Causal-Oriented
Research)

จำแนกตามลักษณะ(ความลึก/ความกว้าง)ของข้อมูล

การวิจัยเชิงคุณภาพ(Qualitative Research)

การวิจัยเชิงปริมาณ(Quantitative Research)

จำแนกตามการจัดกระทำ

การวิจัยแบบทดลองเบื้องต้น(Pre Experimental Research)

การวิจัยแบบทดลองที่แท้จริง(True Experimental Research)

การวิจัยกึ่งทดลอง(Quasi Experimental Research)

จำแนกตามระเบียบวิธีวิจัย(Methodology)

การวิจัยเชิงบรรยาย(Descriptive Research)

การศึกษาพัฒนาการ(Developmental Studies)

การศึกษาแนวโน้ม(Trend Studies)

การศึกษาความเจริญงอกงาม(Growth Studies)

การศึกษาระยะยาว(Longitudinal Approach)

การศึกษาภาคตัดขวาง(Cross-section Approach)

การศึกษาความสัมพันธ์ (Interrelationship Studies)

การวิจัยเชิงสำรวจ(Survey Research)

การวิจัยเชิงประวัติศาสตร์(Historical Research)

ตัวแปรและสมมติฐาน

ตัวแปร

ความหมาย

คุณสมบัติหรือคุณลักษณะ หรือปรากฏการณ์ของสิ่งต่าง ๆ ที่ผู้วิจัยต้องการจะศึกษาหาความจริง

ลักษณะของตัวแปร

ตัวแปรรูปธรรม (Concept)

เพศ

อายุ

ความสูง

เชื้อชาติ

อาชีพ

ระดับการศึกษา

ตัวแปรนามธรรม (Construct)

ความ
วิตกกังวล

ความเกรงใจ

ทัศนคติ

ความเป็นผู้นำ

แรงจูงใจ

ชนิดของตัวแปร

ตัวแปรอิสระ (independent variable)

ตัวแปรที่เกิดขึ้นก่อนและ เป็นตัวเหตุทำให้เกิดผลตามมา

ตัวแปรตาม (dependent variable)

ตัวแปรที่เป็นผลเมื่อตัวแปรอิสระเป็นเหตุ

แปรแทรกซ้อนหรืออาจเรียกว่าตัวแปรเกิน (extraneous variable)

ตัวแปรสอดแทรก (intervening variable)

การนิยามตัวแปรและการหาข้อมูลหรือข้อเท็จจริง

อาศัยข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ที่ได้จากการเก็บรวบรวมข้อมูล (empirical approach)

การนิยามตัวแปร

การนิยามในลักษณะของการบอกองค์ประกอบ (Constitutive definition)

นิยามในลักษณะปฏิบัติการ (Operational definition)

คุณลักษณะหรือองค์ประกอบของตัวแปร

พฤติกรรมที่แสดงออกเนื่องจากตัวแปรชนิดนี้มักเป็นคุณลักษณะแฝง ไม่สามารถสังเกตได้

สถานการณ์ หรือสิ่งเร้าที่เหมาะสม

เกณฑ์ที่เป็นเครื่องชี้บ่งว่าพฤติกรรมที่แสดงออกมานั้น มีความหมาย เช่นใด เป็นที่ต้องการหรือไม่ต้องการ

สมมติฐาน

ประเภทของสมมติฐาน

สมมติฐานทางวิจัย (research hypothesis)

สมมติฐานแบบมีทิศทาง (directional hypothesis)

การใช้เทคโนโลยีทันสมัยมีความสัมพันธ์กับประสิทธิผลและ ประสิทธิภาพในการทำงานทางบวก

ค่าตอบแทนสวัสดิการมีความสัมพันธ์กับขวัญและกำลังใจในการทำงานทางบวก

สมมติฐานแบบไม่มีทิศทาง (Nondirectional hypothesis)

สภาพแวดล้อมทางกายภาพมีความสัมพันธ์กับประสิทธิผลในการทำงาน

ความต้องการใช้เครื่องไฟฟ้าของบุคคลในชุมชนชนบทและชุมชนเมืองแตกต่างกัน

แหล่งที่มาของสมมติฐาน

การศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

การสนทนากับผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ

ประสบการณ์เบื้องต้นของผู้วิจัย

การได้ร่วมอภิปรายเกี่ยวกับปัญหาที่จะศึกษากับบุคคลอื่น ๆ

การสังเกตพฤติกรรม

ลักษณะของสมมติฐานที่ดี

สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของการวิจัย

อธิบายหรือตอบคำถามได้ ครอบคลุมปัญหาทุกด้าน

สอดคล้องกับสภาพที่เป็นจริง

เขียนด้วยถ้อยคำที่อ่านเข้าใจง่ายและมีความชัดเจนภายในตัวของมันเอง

ต้องสมเหตุสมผลตามทฤษฎีและความรู้ที่ได้จากการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง

สามารถตรวจสอบได้

มีอำนาจในการพยากรณ์

มีขอบเขตพอเหมาะไม่แคบหรือกว้างไป

ตอบคำถามเพียงข้อเดียวหรือประเด็นเดียว

ความหมาย

คำตอบที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าอย่างสมเหตุสมผลต่อปัญหาที่ศึกษา

點擊這裡將思維導圖置中。
點擊這裡將思維導圖置中。