องค์ประกอบของระบบการกําหนดนโยบาย
Elements of the Policy-Making System
พรรคการเมือง (Political Parties)
>>> พรรคการเมืองมีความสําคัญในกระบวนการทางนโยบาย
อันดับ แรกคือ สัญลักษณ์พรรคการเมือง ที่จัดวางให้ผู้มาออก
เสียงเลือกตั้ง ได้เกิดบทบาทขึ้นผู้ ออกเสียงจะทราบเกี่ยวกับ
ลักษณะของพรรค
>>> อันดับต่อมาคือ พรรคการเมืองจะหาแนวทางที่น่าพึ่ง
พอใจ สําหรับผู้เลือกตั้ง พรรคการเมืองต่างให้ความสําคัญใน
อํานาจ ทางกฎหมายซึ่งถือเป็นฝ่าย นิติบัญญัติ โดยสถาบัน
นิติบัญญัติ และสถาบันทาง กฎหมายจะเลือกผู้นําจากสาย
ทางการเมือง
ตุลาการ (Courts)
>>> ผู้มีส่วนร่วมแบบไม่เป็นทางการและบทบาทในการกําหนดนโยบาสาธารณะ ปัจเจกชน (Individual Citizens) การศึกษามากมายเกี่ยว กับกระบวนการทางนโยบายซึ่งไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับ กิจกรรมต่าง ๆ ของปัจเจกชน กลุ่มผลประโยชน์ Interest Groups *กลุ่มผลประโยชน์ที่มีความสําคัญในกระบวนการทางนโยบาย เนื่องมาจากว่ากลุ่มผลประโยชน์เหล่านี้ได้เกิดจากการรวม กลุ่มของปัจเจกชนที่มีอํานาจ *ในสังคมของอเมริกาได้เรียกกลุ่มผลประโยชน์เหล่านี้ว่า “Special Interest Groups”บางกลุ่มก็เรียกว่า “Public Interest Groups”ส่วนกลุ่มอื่นๆ ก็จะมีการสนับสนุน แบบ ปกติซึ่งหลายกลุ่มมีการโต้แย้งกันขึ้นด้วย
ระบบราชการและปญหาการยอมรับจากประชาชน
(Bureaucracy and the Problem of Accountability)
>>> การที่ระบบราชการไม่มีความน่าไว้วางใจก็คือ ข้าราชการพลเรือนที่มีขนาดใหญ่และข้าราชการทั้งหมดไม่ได้ถูกแต่งตั้งจากทางการเมือง
>>> ประเด็นสําคัญก็คือ การที่ข้าราชการกําหนดนโยบายทั้งหมด ซึ่งหากข้าราชการไม่ตัดสินใจทําก็อาจจะไม่เกิดนโยบายขึ้น และจะเกิดปัญหาว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบในนโยบายดังกล่าว เนื่องจากระบบราชการให้ความสําคัญในเรื่องประชาธิปไตยและการดําเนินการตามอํานาจทางกฎหมายเพื่อให้นโยบาย
สำเร็จลุล่วงไปได้
>>> ปัญหาคือในระบอบประชาธิปไตยภายใต้ระบบราชการอาจเกิดปัญหาตามมา เพราะว่าราชการเป็นผู้ตัดสินใจให้สาธารณะ จึงทําให้เป็นเรื่องที่ยากที่จะทําให้สนองตอบประชาชนส่วนใหญ่
>>> ปัญหาต่อมาก็คือเราจะรู้ได้อย่างไรว่าราชการมีวิจารณญาณในการตัดสินใจ ซึ่งหากดูจากสภาวะกดดันของประชาชนก็อาจจะเป็นไปตามความต้องการของสาธารณะได้ แต่กระนั้นก็ยังมีประชาชนจํานวนหนึ่งที่ราชการไม่ได้ทำตามความต้องการของเขาเช่นกัน
รัฐบาลทำอะไร?
(What do Government do?)
>>> หน่วยงานภาครัฐได้มีการจัดการการบริหารทั้งในเชิงเศรษฐกิจที่ให้เอกชนไป
จัดการ หรือทางเอกชนอาจจะขอจากทางภาครัฐเพื่อไปจัดการ และภาครัฐอาจจะเลือกที่จะไม่ถามว่าเอกชนมีการจัดการอย่างไร
>>> หลักที่สําคัญในเรื่องของ "Free rider" กับสินค้าสาธารณะ สินค้าสาธารณะอาจเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น เป็นสิ่งที่ไม่มีราคา สินค้าสาธารณะเหล่านั้นเป็นสินค้าที่เป็นของสาธารณะที่ให้พลเมืองใช้ได้เป็นอย่างดีและเหมาะสม และยังเป็นสิ่งที่มีไว้เพื่อทุกคน
>>> “Free rider” ได้เป็นผลลัพธ์ของการบริการที่มีไว้ทุกคนแต่ก็มิใช่ทุกคนที่จะเสียค่าใช้จ่ายเพื่อสิ่งเหล่านั้น อาทิ ถนน การป้องกันประเทศ นโยบาย การดับเพลิงสาธารณสุข และสุขาภิบาล เป็นต้น
โครงสร้างทางสิ่งแวดล้อม (The Structural Environment)
- สิ่งแวดล้อมทางสังคม=มีความสัมพันธ์กับองค์ประกอบของประชากรมากดังนั้นจึงทําให้เราสามารถทราบถึงแนวโน้มประชากรได้ ซึ่งแนวโน้มเหล่านี้จะเป็นอิทธิพลที่สําคัญในการกําหนดนโยบายสาธารณะ
- สิ่งแวดล้อมทางการเมือง=มีแนวทางหนึ่งที่ผู้กําหนดนโยบายและผู้มีส่วนร่วมในทางการเมืองได้ใช้เป็นตัวเลือกของนโยบายก็คือ การสํารวจความคิดเห็นของสาธารณะ “the national mood” (ความรู้สึกของคนในชาติ)
- สิ่งแวดล้อมทางเศรษฐกิจ= การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ จะให้รัฐบาล สามารถกําหนดนโยบายทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมในทุกฟังชั่น
ผู้มีส่วนร่วมในกระบวนการนโยบาย
อย่างเปนทางการกับบทบาทนโยบายสาธารณะ
(Official Actors and Their Roles in Public Policy)
ผู้ที่มีส่วนร่วมในการกําหนดนโยบายมีอยู่ 2 ลักษณะ 1) แบบที่เป็นทางการ (Official Actors)
สภานิติบัญญัติ = คณะตุลาการจะเป็นผู้ตีความในทางกฎหมายและออกกฎหมาย
สถาบันบริหาร = ประธานาธิบดีได้พิจารณาข้อดีในการกําหนดนโยบาย เมื่อได้มีการ เปรียบเทียบในข้อกฎหมาย Paul Light-Agenda setting
2) แบบที่ไม่เป็นทางการ (Unofficial Actors)
- ผู้เล่นเหล่านี้จะมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผลประโยชน์ในกลุ่มของตน
- กลุ่มผลประโยชน์จงมีความเกี่ยวของในทางการเมืองแต่ไม่อาจถูกแทรกแซงผ่านทางกฎหมาย
สื่อสารมวลชน (Communications Media)
>>> สื่อต่างๆมีความสําคัญมากในทางการเมืองและนโยบายสาธารณะมีการคนพบ
จํานวนมากโดยผ่านบทความที่ลงในหนังสือพิมพ์ซึ่งถือเป็น ความอิสระในภาคอธิปไตย
>>> watch dog ซึ่งทําหน้าที่ของสื่อหนังสือพิมพ์และนักการศึกษามีการส่งเสริมให้เชื่อว่าสื่อใหม่ๆมีบทบาทสําคัญในการให้ข้อมูลของพลเมืองเกี่ยวกับ ประเด็นต่างๆรวมถึงสิ่งที่รัฐบาลกําลังทํา
การบริหารและระบบราชการ
(Administrative Agencies and Bureaucrats)
>>> ระบบราชการถือเป็นการจัดการของรัฐบาลที่เป็นระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่และการใช้ชีวิตของคนในสังคม Weber เชื่อว่าระบบราชการเป็นนวัตกรรมที่สําคัญและเป็นสมัยใหม่
>>>ประชาชนจํานวนมากได้ใช้ “ระบบราชการ”และ“ข้าราชการ”เป็นไปในทางลบแต่ weber ไม่ได้นําความคิดเชิงลบมาใช้ในความหมายของเขา แต่เขาใช้การอธิบายอย่างง่ายๆว่าเป็นตัวแบบหนึ่งขององค์การ ดังนี้ ลักษณะระบบราชการของ Weber *พื้นที่ของเขตอํานาจทางกฎหมายที่มีกฎระเบียบเบื้องต้น
*ระบบการสั่งการที่มีหัวหน้าและฝ่ายสนับสนุนเพื่อให้คนที่มีตําแหน่งที่สูงกว่าดูและตรวจตราผู้มีตําแหน่งตํ่ากว่า หรือเรียกว่าการเป็นไปตามลําดับขั้น (Hierarchy) *การจัดการที่เป็นทางการโดยมีระบบทางด้านเอกสาร ซึ่งเอกสารจํานวนมากมายเหล่านั้นจะช่วยให้เกิดการตัดสินใจของข้าราชการเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่ดีขึ้น *เป็นการฝึกฝนอย่างเชี่ยวชาญของผู้ทํางานทั้งในทางกฎหมาย การบริหารรัฐกิจ *เป็นการทํางานอย่างเต็มสมรรถภาพอย่างเป็นทางการ *เป็นการจัดการอย่างเป็นทางการตามกฎหมายทั่วไป ซึ่งอาจจะมีความมั่นคงมากขึ้นหรือ