ภาษีเงินได้นิติบุคคล
อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล
1. อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสําหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลโดยทั่วไป คือ ร้อยละ 30
ลดอัตราภาษีเงินได้สําหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลทั่วไ
จัดเก็บร้อยละ 20 ของกําไรสุทธิ
ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล
รอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาทและมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการไม่เกิน 30 ล้านบาท(SMEs)
ยกเว้นภาษีเงินได้ 300,000 บาทแรก
ร้อยละ 15ของกําไรสุทธิเฉพาะส่วนที่เกิน 300,000 บาท ไม่ถึง 3,000,000 บาท
ร้อยละ 20 ของกําไรสุทธิของส่วนที่เกิน 3,000,000 บาท
เงินบริจาค
เงินบริจาคของภาษีเงินได้นิติบุคคล สามารถบริจาคได้ทั ้งเป็นเงินหรือทรัพย์สินก็ได้
หักเป็นเงินบริจาคได้ 2 เท่า
แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของกําไรสุทธิก่อนหักรายจ่าย
เพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณะประโยชน์และเพื่อการศึกษาหรือการกีฬา
หักเป็นเงินบริจาคได้ 1 เท่า
รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะฯ
รายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา
การคํานวณกําไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
กําหนดให้รายได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล คือ กําไรสุทธิ ซึ่งคํานวณได้จากรายได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทําในรอบระยะเวลาบัญชี หักด้วยรายจ่ายตามเงื่อนไข
รายได้ที่ต้องนํามาคํานวณภาษี
รายได้จากกิจการ
หมายถึง รายได้ที่ได้มาจากการประกอบกิจการตามวัตถุประสงค์ของ
บริษัทตามที่ระบุไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิ
รายได้เนื่องจากกิจการที่กระทํา
หมายถึง รายได้ที่มิได้เกิดจากการประกอบกิจการ
โดยตรง แต่เป็นรายได้ที่ได้มาเนื่องจากการประกอบกิจการ
เกณฑ์การพิจารณารายได้
ใช้เกณฑ์สิทธิ
ให้นํารายได้ที่เกิดขึ้นรอบระยะเวลาบัญชีใด แม้ว่าจะยังไม่ได้รับชําระในรอบระยะเวลาบัญชีนั ้นมารวมคํานวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น
เงินได้ที่ได้รับการยกเว้นภาษี
เงินปันผลที่บริษัทจํากัดที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
ได้รับจากบริษัทจํากัด ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือเงินส่วนแบ่งกําไรที่ได้รับ
จากกิจการร่วมค้ามารวมคํานวณเป็นรายได้เพียงกึ่งหนึ่งของจํานวนที่ได
เงินปันผลที่บริษัทจดทะเบียน (กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)
ถ้าถือหุ้นในบริษัทจํากัด ผู้จ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่าร้ อยละ 25
ของหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียงในบริษัทจํากัดผู้จ่ายเงินปันผล
บริษัทจํากัดซึ่งถือหุ้นดังกล่าวไม่ต้องนําเงินปันผลทั ้งหมดที่ได้จากบริษัทจํากัดผู้จ่ายเงินปันผลนั ้นมารวมคํานวณเป็นรายได้เพื่อคํานวณกําไรสุทธิ
เงื่อนไขการคํานวณกําไรสุทธิตามมาตรา 65 ทวิ
รายการที่ระบุไว้ในมาตรา 65 ตรี
ไม่ให้ถือเป็นรายจ่าย (รายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา
65 ตรี ดูรายละเอียดในลําดับถัดไป
ค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน
ข้อ 1 การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาจะต้องไม่เกินอัตราร้อยละของมูลค่า
ต้นทุน
1.1) การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาตามอัตราปกติ
อาคารถาวร ร้อยละ5
อาคารชั่วคราว ร้อยละ 100
1.2) การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาตามอัตราพิเศษหรือจากราคาเบื้องต้น
ทรัพย์สินประเภทรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกินสิบคนหรือรถยนต์นั่ง
ให้หัก
ค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาจากมูลค่าต้นทุนเฉพาะที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท
การเช่าซืัอหรือซื้อขายเงินผ่อน
นํามาหักในรอบระยะเวลาบัญชีจะต้องไม่เกินค่าเช่าซื้อหรือราคาที่ต้องผ่อนชําระในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น
ทรัพย์สินประเภทเครื่องจักร และอุปกรณ์เครื่องจักร
ให้หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาเบื้องต้นในวันที่ได้
ทรัพย์สินนั้นมาในอัตราร้อยละ 40 ของมูลค่าต้นทุน
ประเภทเครื่องบันทึกการเก็บเงิน
หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาในอัตราร้อยละ 100 ของมูลค่าต้นทุน
หรือเลือกหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาเบื ้องต้นในอัตราร้ อยละ 40 ของมูลค่าต้นทุน
มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs) ที่มีทรัพย์สินถาวร (ไม่รวมที่ดิน) ไม่เกิน 200 ล้านบาท และมีการแจ้งแรงงานไม่เกิน 200 คน
การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน ประเภทคอมพิวเตอร์และ
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หักได้
1) ภายใน 3 รอบระยะเวลาบัญชีแต่วันที่ได้รับทรัพย์สินนั ้นมา
หักในอัตราร้อยละ 40 ของข้อมูลต้นทุน
การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินประเภทอาคารโรงงาน
ในวันที่ได้ทรัพย์สินนั้นมาในอัตราร้อยละ 25 ของมูลค่าต้นทุน
ส่วนที่เหลือให้หักตามเงื่อนไข และอัตราที่กําหนดไว้
การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินประเภทเครื่องจักรและ
อุปกรณ์ของเครื่องจักร
ในอัตราร้อยละ 40 ของมูลค่าต้นทุน
การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินประเภทอาคารถาวร
ในอัตราร้อยละ 25 ของมูลค่าต้นทุน
ข้อ 2 หลักเกณฑ์และวิธีการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคา
2.1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะต้องหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคา
เลือกใช้วิธีการทางบัญชีที่รับรอง ทั่วไปโดยเมื่อได้ใช้วิธีการทางบัญชีที่รับรองทั่วไป
2.2) การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคา ให้คํานวณตามส่วนเฉลี่ยแห่งระยะเวลา
2.3) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคา
โดยใช้วิธีการ
ทางบัญชีซึ่งมีอัตราการหักค่าสึกหรอ และค่าเสื่อมราคาไม่เท่ากันในแต่ละป
2.4) การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาสําหรับทรัพย์สิน
การตีราคาทรัพย์สิน
กรณีที่มีการตีราคาทรัพย์สินเพิ่มขึ้นห้ามมิให้นําราคาที่ตีราคาเพิ่มขึ้นมารวมคํานวณกําไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ
การโอนทรัพย์สินโดยไม่มีค่าตอบแทน
ในกรณีโอนทรัพย์สินให้บริการหรือให้กู้ยืมเงินโดยไม่มีค่าตอบแทน
ตํ่ากว่าราคาตลาดโดยไม่มีเหตุอันสมควร
เพื่อเป็นการป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีเงินได้นิติบุคคล
ตามราคาตลาดในวันที่โอน ให้บริการหรือให้กู้ยืมเงิน
การคํานวณมูลค่าของทรัพย์สินและหนี้สิน เมื่อมีค่าหรือราคาเป็นเงินตรา
ต่างประเทศ
การตีราคาสินค้าคงเหลือ
ราคาสินค้าคงเหลือในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้คํานวณตามราคาทุนหรือ
ราคาตลาด
การคํานวณราคาทุนของสินค้าที่ส่งเข้ามาจากต่างประเทศ
การคํานวณราคาทุนของสินค้าเป็นเงินตราต่างประเทศ
การจําหน่ายหนี้สูญ
คํานวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น หนี ้สูญรายใดได้นํามาคํานวณเป็นรายได้แล้วหากได้รับชําระในภายหลัง ก็มิให้นํามาคํานวณเป็นรายได้อีก
การคํานวณเงินปันผลเป็ นรายได
ดอกเบี้ยก้ยืมที่อย ู ่ในบังคับต้องถ ู ูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่าย
เงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกําไร
มูลนิธิหรือสมาคม
1) เงินค่าลงทะเบียนที่ได้รับจากสมาชิก
2) เงินค่าบํารุงที่ได้รับจากสมาชิก
3) เงินที่ได้รับจากการบริจาค หรือจาการให้โดยเสน่หา
4) ทรัพย์สินที่ได้รับจากการบริจาค หรือจากการให้โดยเสน่หา
ภาษีขาย
เงื่อนไขการคํานวณกําไรสุทธิตามมาตรา 65 ตรี (รายจ่ายต้องห้าม)
(1) เงินสํารองต่างๆ
(2) เงินกองทุน
เว้นแต่กองทุนสํารองเลี ้ยงชีพ
(3) รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว การให้โดยเสน่หา หรือการกุศล
รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว
เช่น การจ่ายค่าซ่อมรถส่วนตัว เป็นต้น
รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการให้โดยเสน่หา
รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการกุศล
(4) ค่ารับรองหรือค่าบริการ
จําเป็นตามธรรมเนียมประเพณีทางธุรกิจ
ค่ารับรองหรือค่าบริการนั้น
จํานวนเงินค่ารับรองและค่าบริการให้นํามาหักเป็นรายจ่ายได้เท่ากับจํานวนเท่าที่
ต้องจ่ายแต่รวมกันต้องไม่เกินร้อยละ 0.3 ของจํานวนเงินยอดรายได
(5) รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุน
(6) เบี้ยปรับและหรือเงินเพิ่มภาษีอากร
(7) การถอนเงินโดยปราศจากค่าตอบแทนของผ้เป็ นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
(8) เงินเดือนของผ้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนเฉพาะส่วนที่จ่ายเกินสมควร
Subtopic
(9) รายจ่ายซึ่งกําหนดขึ้นเองโดยไม่มีการจ่ายจริงหรือรายจ่ายซึ่งควรจะได้จ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีอื่น
(10) ค่าตอบแทนแก่ทรัพย์สินซึ่งบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นเจ้าของเองและใช้เอง
(11) ดอกเบี้ยที่คิดให้สําหรับเงินทุน เงินสํารองต่างๆ หรือเงินกองทุนของตนเอง
(12) ผลเสียหายอันอาจได้กลับคืนเนื่องจากการประกันหรือสัญญาคุ้มกันใดๆ หรือขาดทุนสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีก่อนๆ เว้นแต่ผลขาดทุนสุทธิ ยกมาไม่เกิน 5 ปี ก่อนรอบระยะเวลาบัญชีปี ปัจจุบัน
(13) รายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายเพื่อหากําไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะ
(14)รายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายเพื่อกิจการในประเทศไทยโดยเฉพาะ
(15) ค่าซื้อทรัพย์สินและรายจ่ายเกี่ยวกับการซื้อหรือขายทรัพย์สินในส่วนที่เกินปกติโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
(16) ค่าของทรัพยากรธรรมชาติที่สูญหรือสิ้นไปเนื่องจากกิจการที่ทํา
(17) ค่าของทรัพย์สินนอกจากสินค้าที่ตีราคาตํ่าลง ทั้งนี้ภายใต้บังคับมาตรา 65 ทวิ
(18) รายจ่ายซึ่งผ้จ่ายพิสูจน์ไม่ได้ว่าใครเป็นผู้รับ
(19) รายจ่ายใดๆ ที่กําหนดจ่ายจากผลกําไรที่ได้เมื่อสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีแล้ว
(20) รายจ่ายที่มีลักษณะทํานองเดียวกับที่ระบุไว้ใน (1) ถึง (19) ซึ่งจะกําหนดโดยพระราชกฤษฎีกา
การเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากฐานกําไรสุทธิ
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้จากกําไรสุทธิ
1. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
2. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ
3. กิจการซึ่งดําเนินการเป็นทางการค้าหรือหากําไรโดยรัฐบาลต่างประเทศองค์การของรัฐบาลต่างประเทศ หรือนิติบุคคลอื่นที่ตั ้งขึ ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ
4. กิจการร่วมค้า
การเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากฐานการจําหน่ายกําไรไปนอกประเทศ
ผู้มีหน้าที่เสียภาษี
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งจําหน่ายเงินกําไรหรือเงินประเภทอื่นใดที่กันไว้จากกําไรหรือที่ถือได้ว่าเป็นเงินกําไรออกไปจากประเทศไทย
อัตราภาษี
วิธีการเสียภาษีจากการจําหน่ายเงินกําไรไปต่างประเทศนี้
อัตราร้อยละ 10
การยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษี
ภายใน 7 วัน นับแต่วันสิ ้นเดือนของเดือนที่จําหน่ายเงินกําไร
แบบแสดงรายการที่ใช้ยื่น ได้แก่ ภ.ง.ด. 54 (ยื่นทุกครั ้งที่มีการจําหน่ายเงินกําไรออกไปจากประเทศไทย ถ้าเก็บกําไรไว้ในประเทศไทยไม่ต้องเสียภาษีฐานนี
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
บริษัท จํากัด
บริษัทมหาชน จํากัด
ห้างหุ้นส่วนจํากัด
ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน
สํานักงานปฏิบัติการภูมิภาค
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศนั้น
เข้ามากระทํากิจการในประเทศไทย
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศนั้น
เช่น HSBC เป็นธนาคารฮ่องกง จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของประเทศฮ่องกง เข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทย และในประเทศอื่น
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศนั้น
รวมทั้งในประเทศไทยและกิจการที่กระทํานั้นเป็นกิจการขนส่งระหว่างประเทศ
เช่น สายการบินไชน่า แอร์ไลน์ จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของประเทศจีน เข้ามาประกอบกิจการในประเทศไทยโดยให้บริการขนส่งระหว่างประเทศไทยไปยังประเทศจีน
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศนั้น
มิได้ประกอบกิจการในประเทศไทยแต่ได้รับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) (3) (4) (5) หรือ (6) ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทย
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลใประเทศไทย
ได้จําหน่ายเงินกําไรหรือเงินประเภทอื่นที่กันไว้จากกําไร หรือถือได้ว่าเป็นเงินกําไรออกไปจากประเทศไทย
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศนั้น
มิได้เข้ามาทํากิจการในประเทศไทยโดยตรงหากแต่มีลูกจ้างหรือผู้ทําการแทนหรือผู้ทําการติดต่อ ในการประกอบกิจกการในประเทศไทย ซึ่งเป็นเหตุให้ได้รับเงินได้หรือผลกําไรในประเทศไทย
กิจการซึ่งดําเนินการเป็นทางค้า หรือหากําไร
รัฐบาลต่างประเทศ
องค์การของรัฐบาลต่างประเทศ
นิติบุคคลอื่นที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ
กิจการร่วมค้า (Joint Ventrue)
ได้แก่ กิจการที่ดําเนินการร่วมกันเป็นทางค้าหรือหากําไรระหว่าง
บริษัท กับ บริษัท
บริษัท กับ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล กับ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
บริษัทและหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลกับบุคคลธรรมดา คณะบุคคลที่มิในิติบุคคลห้างหุ้นส่วนสามัญหรือนิติบุคคลอื่น
มูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้
แต่ไม่รวมถึงมูลนิธิหรือสมาคมที่รัฐมนตรีประกาศกําหนดให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล
นิติบุคคลที่อธิบดีกําหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรีและประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ให้เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร (ปัจจุบันยังไม่มีการประกาศกําหนด)
นิติบุคคลที่ได้รับยกเว้นภาษี
นิติบุคคลที่เป็นองค์การของรัฐ
นิติบุคคลที่ไม่แสวงหากําไร
นิติบุคคลบางประเภทที่เข้าลักษณะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร
ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ หรือทางเทคนิคระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต่างประเทศ
บริษัทจํากัดที่ได้คับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน
บริษัทจํากัดและนิติบุคคลที่มีสภาพเช่นเดียวกับบริษัทจํากัดซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือกฎหมายต่างประเทศไทย
ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลที่อยู่ในประเทศที่มีอนุสัญญาว่าด้วยการเว้นการเก็บภาษีซ้อนกับประเทศไทย ตามเงื่อนไขที่กําหนดในอนุสัญญา
แหล่งเงินได้
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามหลักแหล่งเงินได้ทั่วโลก
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ
ให้เสียภาษีเงินได้เฉพาะจากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทําในประเทศไทยเท่านั้น
รอบระยะเวลาบัญชี
1. รอบระยะเวลาบัญชีโดยทั่วไป
สําหรับการคํานวณภาษีเงินได้นิติบุคคลจะต้องเท่ากับ 12เดือน โดยจะเริ่มต้นและสิhนสุดลงเมื่อใดก็ได้
2. รอบระยะเวลาบัญชีน้อยกว่า 12 เดือน
1.เริ่มตัั้งใหม่ จะถือวันเริ่มตั้งถึงวันหนึ่งวันใดเป็นรอบระยะเวลาบัญชีแรกก็ได้ แต่รอบระยะเวลาบัญชีต่อไปต้องเท่ากับ 12 เดือน
2.อาจยื่นคําร้องขอเปลี่ยนวันสุดท้ายของรอบ
ระยะเวลาบัญชีก็ได
3.ที่เลิกกันให้ถือเอาวันที่เจ้าพนักงานจดทะเบียน
เลิกเป็นวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี
4.ควบเข้ากันให้ถือว่าบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติ
บุคคลนั ้นเลิกกันรอบระยะเวลาบัญชีที่ควบเข้ากันจึงเป็นไปตาม (3) ซึ่งอาจน้อยกว่า 12 เดือน
3. รอบระยะเวลาบัญชีมากกว่า 12 เดือน
1.หากผู้ชําระบัญชีและผู้จัดการไม่
สามารถยื่นรายการและเสียภาษีได้ภายใน 150 วันนับแต่วัดสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีแล้ว
(2) อธิบดีกรมสรรพากรเห็นสมควร สั่งให้ขยายรอบระยะเวลาบัญชีของบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เลิกกิจการเป็นการเฉพาะราย (โดยไม่ต้องมีการยื่นคําร้อง)
ฐานภาษีเงินได้นิติบุคคล
1. ฐานกําไรสุทธิ
2. ฐานรายรับก่อนหักรายจ่าย
3. ฐานเงินได้บางประเภทที่จ่ายจากหรือในประเทศไทย
4. ฐานการจําหน่ายเงินกําไรออกไปจากประเทศไทย
การเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากฐานรายรับก่อนหักรายจ่าย
ผู้มีหน้าที่เสียภาษี
1. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งตามกฎหมายของต่างประเทศ
2. มูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการแล้วมีรายได้
3.ไม่ทําบัญชี ทําบัญชีแต่ไม่สมบูรณ์หรือไม่นําบัญชีมาให้ตรวจสอบเจ้าพนักงานประเมินมีอํานาจประเมินภาษีในอัตราร้อยละ 5 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด
กิจการขนส่งระหว่างประเทศ
กรณีรับขนคนโดยสาร
เรียกเก็บในประเทศไทย
ให้คํานวณภาษีอัตราภาษี
ร้อยละ 3
กรณีรับขนของ
การรับขนของออกจากประเทศไทยนั้น
ให้คํานวณ
ภาษีอัตราภาษีร้อยละ 3
การยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษี
ภายใน150 วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี
แบบแสดงรายการที่ใช้ยื่น คือ ภ.ง.ด. 52 (ยื่นรอบระยะเวลาบัญชีละ 1 ครั ้ง)
Subtopic
มูลนิธิหรือสมาคม
รายได้ที่ได้รับการยกเว้นภาษี
(1) ค่าลงทะเบียนหรือค่าบํารุงทีได้รับจากสมาชิก
(2) เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการรับบริจาค
(3) เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หา
อัตราภาษี
เงินได้จากธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร
การอุตสาหกรรม การขนส่ง หรือการอื่นใด
ซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40(8)
ร้อยละ 2
เงินได้อื่นๆ นอกจากมาตรา 40(8)
ร้อยละ 10
การยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษี
ภายใน
150 วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี
แบบแสดงรายการที่ใช้ยื่นคือ ภ.ง.ด.55 (ยื่นรอบระยะเวลาบัญชีละ 1 ครั ้ง)
การเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากฐานเงินได้ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทย
ผู้มีหน้าที่เสียภาษี
ได้รับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(2)(3)(4)(5) หรือ (6) ที่จ่ายจากหรือในประเทศ
ไทยการเสียภาษีกรณีนี ้กฎหมายให้เสียโดยวิธีหักภาษี
เงินได้ที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย
เงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศ ซึ่งผู้จ่ายมีหน้าที่หักภาษี ได้แก่ เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(2)(3)(4)(5) หรือ (6)
อัตราภาษี
เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(2)(3)(4)
(5) และ (6) นอกจากเงินได้พึงประเมิน
ตามมาตรา 40 (4) (ข)
ร้อยละ 15
เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4) (ข)
ร้อยละ 10
การยื่นแบบแสดงรายการชําระภาษี
นําส่งภาษีภายใน 7 วัน นับแต่วันสิ ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้พึง
ประเมิน
แบบแสดงรายการที่ยื่น ได้แก่ แบบ ภ.ง.ด. 54 (ถ้าไม่มีการส่งเงินได้ไปต่างประเทศก็ไม่ต้องยื่น)