บทที่ 8
การแสวงหาสารสนเทศและความรู้
2. การคัดลอกความคิดของผู้อื่น
โดยไม่มีการอ้างอิง (Plagiarism)
การอ้างอิงเอกสาร เป็นจรรยาบรรณที่จำเป็นในวงวิชาการ เป็นการให้เกียรติกับเจ้าของผลงานเดิม ในการเรียบเรียงและนำเสนอสารสนเทศนั้น จะต้องนำเสนอให้ชัดเจนว่า ข้อความส่วนใดเป็นการอ้างอิงความคิดของผู้อื่นและส่วนใดเป็นความคิดของเราเอง การลอกเลียนความคิดของผู้อื่นโดยไม่มีการอ้างอิง ถือเป็นการกระทำผิดจรรยาบรรณร้ายแรงในวงวิชาการ
3. การอ้างอิงเอกสาร (Citations)
ความหมาย
การบอกแหล่งที่มาของข้อมูลที่ผู้เขียนนำมาใช้อ้างอิงในการเขียนผลงาน
เพื่อเป็นการแสดงหลักฐานที่จะทำให้งานเขียนนั้นมีความน่าเชื่อถือเป็นการให้เกียรติแก่ผู้เขียนเดิมและแสดงเจตนาของผู้เขียนว่าไม่ได้คัดลอกข้อมูลของผู้อื่นโดยไม่มีการอ้างอิง
3.1 การอ้างอิงเอกสารในส่วนเนื้อเรื่อง
หมายถึง การอ้างโดยการระบุชื่อผู้แต่งและปีพิมพ์ของเอกสารที่อ้าง
แทรกปนไปกับเนื้อหาของบทความ โดยใช้วิธีการอ้างอิงระบบชื่อ-ปี
(Name-year system) ซึ่งเป็นการอ้างโดยการระบุชื่อผู้แต่งและ
ปีพิมพ์ของเอกสารที่อ้าง
3.2 การอ้างอิงเอกสารส่วนท้ายของรายงาน
1) ส่วนที่เป็นชื่อผู้แต่ง
2) ส่วนที่เป็นชื่อเรื่อง
3) ส่วนที่เป็นการพิมพ์
4. การเรียงลำดับรายการอ้างอิง
4.1 ถ้าจำนวนรายการไม่มาก ให้เรียงรวมทุกรายการไว้ด้วยกันโดยเรียงตามลำดับอักษรของผู้แต่ง
4.2 ถ้าจำนวนรายการมีจำนวนมาก ควรเรียงรายการแยกตามประเภทของเอกสารทั้งนี้ใน แต่ละประเภทให้เรียงตามลำดับอักษรของผู้แต่งด้วยเช่นกัน
4.3 หลักการเรียงรายการตามลำดับอักษร
1) ให้เรียงทีละตัวอักษรของคำนั้น
2) คำนำหน้าชื่อ M’ Mc หรือ Mac ให้เรียงตามรูปที่ปรากฏ
โดยไม่สนใจเครื่องหมาย ‘
3) ชื่อสกุลที่มี article หรือ preposition เช่น de, la, du, von
ให้เรียงตามกฎของภาษานั้น ถ้ารู้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของชื่อสกุลให้เรียง
ลำดับอักษรตามรูปที่ปรากฏ
4) ถ้าเรียงงานหลายงานที่มีชื่อผู้แต่งคนแรกเหมือนกัน
5) ถ้าชื่อผู้แต่งเหมือนกัน ให้เรียงตามอักษรของชื่อต้นและชื่อกลาง
6) เอกสารผู้แต่งที่เป็นสถาบัน สมาคม หน่วยงาน ให้เรียงตามลำดับ
อักษรตัวแรกของชื่อสถาบันที่สะกดเต็ม โดยเรียงไปทีละลำดับตั้งแต่
หน่วยงานใหญ่ถึงหน่วยงานย่อย
5. การใช้เครื่องหมายวรรคตอนในรายการอ้างอิง
5.1 เครื่องหมายมหัพภาค ( . period)
5.2 เครื่องหมายจุลภาค ( , comma)
5.3 เครื่องหมายอัฒภาค ( ; semi-colon)
5.4 เครื่องหมายมหัพภาคคู่ ( : colon)
5.5 การใช้คำย่อในการเขียนรายการอ้างอิง
1. การศึกษาค้นคว้าและการทำรายงาน
1. การศึกษาค้นคว้า หมายถึง
การหาข้อมูลหรือการหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อหาคำตอบจากปัญหา
หนึ่งโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ได้รับความรู้ในเรื่องนั้นๆการศึกษาค้นคว้า
จึงเป็นการแสวงหาสารสนเทศและความร
2. การวิจัย (Research) หมายถึง
การสำรวจ ตรวจหา เพื่อหาคำตอบในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
อย่างมีระบบและแบบแผนตามขึ้นตอนและระเบียบวิธีวิจัย
3. ภาคนิพนธ์ (Term paper)
ผู้ทำภาคนิพนธ์มีรายละเอียดลึกซึ้งต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้า
เช่น ใช้เวลา 1 ภาคการศึกษา การทำภาคนิพนธ์โดยทั่วไปผู้เรียนมัก
ได้รับมอบหมายให้ทำเพียงเรื่องเดียวในแต่ละรายวิชา
4. วิทยานิพนธ์ ( Thesis/Dissertation)
เป็นรายงานผลของการค้นคว้าวิจัยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาในระดับปริญญามหาบัณฑิต หรือปริญญาดุษฎีบัณฑิต โดยที่ผู้เรียนจะต้องเลือกหัวข้อเรื่องที่ทำด้วยตนเอง และผู้เรียนจะต้องทำการค้นคว้าอย่างละเอียดลึกซึ้ง
5. รายงาย (Report)
เป็นผลที่ได้จากการศึกษา ค้นคว้า วิจัย มีการเรียบเรียงตาม
ระเบียบขั้นตอนทางวิชาการ ตามรูปแบบการเขียนรายงานซึ่ง
รายละเอียดต่างๆ ของรายงานและการเขียนรายงาน
5.1 ประโยชน์ของการทำรายงาน
1. ทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่และข้อเท็จจริงใหม่ๆ
ทั้งในด้านทฤษฎีและปฏิบัติ
2. ทำให้มีพัฒนาการทางวิชาการในสาขาวิชาต่างๆ
3. ช่วยให้ทราบข้อมูลที่แท้จริงรวมทั้งข้อบกพร่องเพื่อ
นำมาใช้แก้ปัญหาหรือนำมาใช้พัฒนาการปฏิบัติงาน
4. ทำให้เกิดการรู้จักใช้ความคิดอย่างมีเหตุผล
และสร้างทักษะในการแก้ไขปัญหา
5. เพิ่มพูนทักษะในการเขียนรายงานทางวิชาการซึ่งจะ
เป็นพื้นฐานในการสร้างสรรค์ผลงานวิชาการอื่นๆ ต่อไป
5.2. ส่วนประกอบของรายงาน
ส่วนนำ
1 ปกนอก (Cover) คือ ส่วนที่เป็นปกหุ้ม
รายงานทั้งหมดมีทั้งปกหน้าและปกหลัง
2.หน้าปกใน (Title page) คือส่วนที่อยู่ต่อ
จากหน้าปกนอกนิยมเขียนเหมือนปกนอก
3.กิตติกรรมประกาศ (Acknowledgement)
เป็นข้อความแสดงความขอบคุณผู้ช่วยเหลือ
4. คำนำ (Preface) คือส่วนที่อยู่ถัดจากหน้าปกใน
5สารบัญ (Table of contents) คือ
ส่วนที่อยู่ต่อจากหน้าคำนำในหน้าสารบัญ
ส่วนเนื้อเรื่อง (Body of contents)
ส่วนอ้างอิง (Citation)
5.3 ขั้นตอนการเขียนรายงาน
1.เลือกและกำหนดหัวข้อการทำรายงาน (Choose the topics)
2.อ่านข้อมูลของเนื้อหาวิชาเพื่อเป็นพื้นความรู้ (Reading for
Background) และกหนดวัตถุประสงค์ของการทำรายงาน
(Report objectives)
3.การจัดทำเค้าโครงรายงาน (the Preliminary Outline)
4.รวบรวมบรรณานุกรม (The working bibliography)
5.การอ่านและจดบันทึก (Reading and Notes)
6.การใช้สารสนเทศจากแหล่งต่างๆ
(Using sources ofInformation)
7.การจัดทำโครงเรื่องครั้งสุดท้าย (The final outline)
8.การเรียบเรียงรายงาน (Writing and revising)
9.การเขียนรายการอ้างอิงและบรรณานุกรม
(Write the Referenceand Bibliography
10.การเขียนรายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Writing)