ภาวะบกพร่องทางสติปัญญา/ภาวะปัญญาอ่อน (Intellectual Disabilities: ID/Mental Retardation: MR)
การวินิจฉัย
Criteria A. มีความบกพร่องทางเชาวน์ปัญญา โดยมีระดับเชาว์ปัญญา ต่ำกว่า 70
CriteriaB. มีความบกพร่องในการทำหน้าที่ของตน หมายถึงผู้ป่วยมีความบกพร่องในการจัดการสิ่งต่าง ๆ
ในชีวิต
Criteria C. ความบกพร่องทางสติปัญญาและการปรับตัว หมายถึงการที่เด็กเริ่มแสดงความบกพร่องทางสติปัญญาและการปรับตัวในช่วงวัยเด็กหรือวัยรุ่น
สาเหตุ
พันธุกรรม
ดาวน์ซินโดรม (Down
syndrome),
ภาวะแทรกซ้อนในระยะคลอด
การติดเชื้อ
ที่เกิดชึ้นภายหลัง
การขาดสารอาหารบางชนิด
อาการ
1) ภาวะบกพร่องทางด้านสติปัญญา/ภาวะปัญญาอ่อนระดับเล็กน้อย (mind intellectual disabilities/mental retardation)
ระดับ IQ เท่ากับ 50-70
พัฒนาการสูงสุดของเด็กกลุ่มนี้เท่ากับเด็กอายุ 9-12 ป
ฝึกงานอาชีพที่ทำซ้ำๆ จนเกิดความเคยชิน เช่น งานช่างยนต์ ช่างไม้ ช่างตัดผม
2) ภาวะบกพร่องทางด้านสติปัญญา/ภาวะปัญญาอ่อนระดับปานกลาง (moderate intellectual disabilities/mental retardation)
ระดับ IQ เท่ากับ 35-49
พัฒนาการสูงสุดเท่ากับเด็กอายุ 6-9 ปี
ฝึกให้ช่วยเหลือตนเองในด้านต่างๆ และทำงานง่ายๆ โดยมีคอยแนะนำได้ เช่น งานล้างจาน ซักรีดเสื้อผ้า กวาดบ้านถูบ้าน
3) ภาวะบกพร่องทางด้านสติปัญ ญา/ภาวะปัญ ญาอ่อนระดับรุนแรง (severe intellectual disabilities/mental retardation)
ระดับ IQ เท่ากับ 20-34
พัฒนาการสูงสุดเท่ากับเด็กอายุ 3-5 ปี
ฝึกให้ช่วยเหลือตนเองด้านกิจวัตรประจำวันง่ายๆ เช่น รับประทานอาหาร อาบน้ำ แปรงฟัน เป็นต้น โดยต้องมีคนแนะนำ ช่วยเหลือตลอดเวลา
4) ภาวะบกพร่องทางด้านสติปัญญา/ภาวะปัญญาอ่อนระดับรุนแรงมาก (profound intellectual disabilities/mental retardation)
ระดับ IQ ต่ำกว่า 20
ช่วยเหลือตนเองได้น้อยมากหรือไม่ได้เลย ต้องให้การดูแลเช่นเดียวกับเด็กเล็ก
หมายถึง ภาวะที่บุคคลมีความสามารถด้านสติปัญญาและพฤติกรรมด้านการปรับตัวต่ำกว่าบุคคลปกติ มีค่าระดับสติปัญญาและพฤติกรรมด้านการปรับตัวต่ำกว่าบุคคลปกติ มีค่าระดับสติปัญญา (Intelligent Quotient: IQ) ต่ำกว่าหรือเท่ากับ 70 ลงมา
การบำบัดทางการพยาบาล
1) สอน แนะนำ หรือให้คำปรึกษาครอบครัวในเรื่องโรค
2) การกระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการโดยเน้นทักษะด้านร่างกาย และทักษะในการดำรงชีวิตประจำวันอย่างต่อเนื่อง
3) จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัยไม่เกิดอันตราย
4) การให้คำปรึกษาครอบครัวในการระบายความรู้สึก
5) การสร้างสัมพันธภาพเพื่อการบำบัดอย่างต่อเนื่องเป็นรายบุคคล
6) การทำกายภาพบำบัด
7) การทำกิจกรรมบำบัด เป็นการฝึกใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก
8) การฝึกพูด ต้องกระทำตั้งแต่เด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบจึงจะได้ผลดีที่สุด
9) การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษาโดยสนับสนุนให้ได้เรียนรู้ชีวิตในสังคมร่วมกับคนปกต
10) การฟื้นฟูสมรรถภาพทางอาชีพ เริ่มที่อายุ 15 – 18 ปี
การบำบัดรักษา
หลักการพื้นฐานคือช่วยให้ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมตามปกติได้มากที่สุด
ออกหนังสือรับรองความพิการตาม พ.ร.บ. การฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ. 2534 ซึ่งบัญญัติว่า “คนพิการ” หมายถึง คนที่มีความผิดปกติหรือบกพร่องทางร่างกาย ทางสติปัญญา และทางจิตใจ