ต้องมีความความถูกต้อง (Accuracy)
▪ มีความน่าเชื่อถือ (Reliable)
▪ ต้องมีความสมบูรณ์ (Completeness)
▪ สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้ (Relevance)
▪ เข้าถึงได้ง่าย (Accessible)
▪ ตรวจสอบได้ (Verifiability)
▪ ทันต่อความต้องการใช้ (Timeliness)
▪ มีความทันสมัย เป็นปัจจุบัน (Up to date)
1) พจิารณาความน่าเชื่อถือ
ความถูกต้องของสารสนเทศ
ความเที่ยงตรง
2) พจิารณาแหล่งที่
มาของสารสนเทศ
พิจารณาผู้แต่ง
พิจารณาสำนักพิมพ์หรือแหล่งผลิต
3) พิจารณาขอบเขตเนื้อหา
4) พิจารณาให้ตรงกับความต้องการ
5) พิจารณาช่วงเวลาที่เผยแพร่
1. การประเมินสารสนเทศ (Evaluate)
2. การวิเคราะห์สารสนเทศ (Analysis)
3. การสังเคราะห์สารสนเทศ (Synthesis)
ความหมายของการประเมินสารสนเทศ
การตรวจสอบว่าสารสรเทศที่ได้มานั้น สามารถตอบคำถามที่ตั้งไว้ได้ละเอียดครอบคลุมทุกประเด็น มีคำอธิบายที่เป็นเหตุเป็นผลและมีเอกสารอ้างอิงที่มีความน่าเชื่อถือเพียงใด
ความสำคัญของการประเมินสารสนเทศ
คัดเลือกสารสนเทศที่เราได้จากการสืบค้นที่ มีคุณค่า มีความน่าเชื่อถือ ในทางวิชาการ เป็นการพิจารณาคัดเลือกจากแหล่งสารสรเทศต่างๆ
หลักการประเมินสารสนเทศ
พิจารณาว่าเป็นเรื่องที่ตรงกับความต้องการอย่างแท้จริงหรือไม่
พิจารณาว่าเป็นสารสนเทศที่มีความน่าเชื่อถือหรือไม่
พิจารณาว่าเนื้อหาองสารสนเทศอยในระดับใด
สารสนเทศปฐมภูมิ(Primary Information)
สารสนเทศทุติยภูมิ (Secondary Information)
สารสนเทศตติยภูมิ(Tertiary Information)
-จัดสารสนเทศที่ได้มาจากแหล่งต่างๆ (Organize frommultiple sources)
-นำเสนอสารสนเทศ (Present the information)
ขั้นตอนนี้จึงต้องเรียนรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้อง
การจัดกลุ่มความสัมพันธ์ของ
แนวคิด / เรื่อง
การวางโครงร่าง
(Outline)
การเขียนการ
อ้างอิงและ
บรรณานุกรม
การจัดสารสนเทศโดยทั่วไป
- จัดกลุ่ม (ประเด็นใหญ่ / ประเด็นย่อย)
- เรียงตามลำดับอักษร
- ตามลำดับเวลา (เช่น เหตุการณ์)
-ตั้งแต่ต้นจนจบ
- ใช้หลายๆ วิธีข้างต้นผสมผสานกัน
วิธีการจัดสารสนเทศ สามารถทำได้แบบง่ายๆ
1. นำเอกสาร หรือ ข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งต่างๆ ที่ได้ มาอ่านอีกครั้ง
2. ทำ Highlight / Mark ที่ประโยค หรือข้อความที่สำคัญที่จะใช้
3. ลองจัดกลุ่มความสัมพันธ์ของเรื่องหรือข้อมูล โดยการใส่ตัวเลข หรือตัวอักษรที่ข้อความนั้นๆ
4. จัดเรียงข้อมูลที่ได้เพื่อจัดกลุ่มใหม่อีกครั้ง (หรืออาจเขียนเป็นโครงร่าง)เพื่อให้เห็นลำดับชั้นความสัมพันธ์ และความต่อเนื่องของข้อมูล
5. จะได้กลุ่มข้อมูล หรือ โครงร่างคร่าวๆ ที่มองเห็นภาพรวมของข้อมูล หรือคำตอบทั้งหมด (ใส่ข้อมูล มุมมอง เรียบเรียงข้อมูลด้วยภาษาของตนเอง)
การนำเสนอสารสนเทศ /การนำเสนอผล
นิทรรรศการ
▪ E-book
▪ วีดิทัศน์
▪ เกม
▪ Booklet
▪ บอร์ด
▪ สไลด์
▪ การแสดงละคร
▪ รายงาน
▪ แผ่นพับ
▪ โครงงาน
▪ Web page
▪ ภาพยนตร์
▪ Oral / Oral report
▪ PPT
การเขียนแผนผังความคิด หรือแผนที่ความคิด (Mind Map)
Mind Map คือ การถ่ายทอดความคิด หรือข้อมูลต่าง ๆ ที่มีอยู่ในสมองลงกระดาษ โดยการใช้ภาพ สี เส้น และการโยงใย แทนการจดย่อแบบเดิมที่เป็นบรรทัด ๆ เรียงจากบนลงล่าง ทำให้สามารถเห็นภาพรวม และเปิดโอกาสให้สมองให้เชื่อมโยงต่อข้อมูลหรือความคิดต่าง ๆ เข้าหากันได้ง่ายกว่า
การนำไปใช้งาน
1. ใช้ระดมพลังสมอง
2. ใช้นำเสนอข้อมูล
3. ใช้จัดระบบความคิดและช่วยความจำ
4. ใช้วิเคราะห์เนื้อหาหรืองานต่างๆ
5. ใช้สรุปหรือสร้างองค์ความรู้
ความหมายของการวิเคราะห์สารสนเทศ
การวิเคราะห์สารสนเทศ หมายถึง
กระบวนการแยกแยะสารสนเทศที่สำคัญ
และสอดคล้องกับเรื่องที่ต้องการออก
เป็นกลุ่มย่อยๆ โดยให้สารสนเทศที่มีเนื้อหาเดียวกันหรือที่ค้นได้จากคำสำคัญเดียวกันอยู่ด้วยกัน
ขั้นตอนการวิเคราะห์สารสนเทศ
1. อ่านจับใจความสำคัญของเรื่อง
2.พิจารณาเนื้อหาสารสรเทศที่สอดคล้องกับประเด็นแนวคิดต่างๆ ที่ต้องการจะศึกษา
3.บันทึกสารสรเทศที่สอดคล้องกับเรื่องที่ต้องการ
4.จัดกลุ่มเนื้อหา
บัตรบันทึกความรู้
การบันทึก เป็นการเขียนเรื่องราว ข้อความ ข้อเท็จจริงต่างๆ ที่ได้รับจากการฟังการอ่านเพื่อเตือนความจำ หรือศึกษาค้นคว้า
บัตรบันทึกความรู้ คือ บัตรแข็งขนาด 5x8 หรือ 4x6 หรือกระดาษรายงาน A 4
พับครึ่งใช้บันทึกข้อมูลที่ ต้องการ ควรจดบันทึกเฉพาะตอนที่จะเกี่ยวข้องกับเน้ื้อหาตามโครงเรื่องที่กำหนดไว้
ส่วนประกอบของบัตรบันทึกความรู้
1. หัวข้อเรื่องที่ต้องการค้นคว้า ลงไว้ที่หัวมุมบนขวาของบัตร
2. แหล่งที่มาของข้อมูลให้เขียนตามรูปแบบบรรณานุกรม
3. เลขหน้าที่ปรากฏของข้อมูล
4. ข้อความที่บันทึก
วิธีเขียนบัตรบันทึกเนื้อหา
1.แบบย่อความหรือสรุปความ
2.แบบคัดลอกข้อความ
3.แบบถอดความ