Conceptual and
Theoretical of Population

AGE

เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความสามารถในการท าความเข้าใจในเนื้อหาและ
ข่าวสารรวมถึงการรับรู้ต่างๆ

เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความสนใจในประเด็นต่างๆ

ชี้ให้เห็นอารมณ์ที่แตกต่างกัน

อายุที่เพิ่มขึ้นของเด็ก จะท าให้มีความคิดรอบคอบเพิ่มมากขึ้น การ
ตอบสนองต่อการติดต่อสื่อสารเปลี่ยนไปเมื่อตนเองมีอายุมากขึ้น

การชักจูงจิตใจหรือโน้มน้าวจิตใจของคนจะยากขึ้นตามอายุของคนที่เพิ่มขึ้น
ด้วย

OCCUPATION

อาชีพ หรือลักษณะแห่งการรวมกลุ่ม จะบ่งบอกถึงลักษณะแต่ละบุคคลที่ต่างอาชีพกันได้

EDUCATION

การศึกษา หมายถึง การได้รับการศึกษาจากสถาบันการศึษา และประสบการณ์ของชีวิต

การศึกาาจะทำให้คนมีความรู้ ความคิด ตลอดไปจนถึงการทำความเข้าใจกับสิ่งต่างได้

RELIGION

ไม่ว่าจะศาสนาใดก็ต่างมีหลักการคิดและการหาคำตอบต่างกันในแต่ละปลีกย่อยของศาสนา

Thomas
Robert
Malthus

พื้นดินที่อุดทสมบูรณ์ก็สามารถเพิ่มความมั่งคั่งได้

ความมั่งคั่งจะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงก็ต่อเื่อมีการเพิ่มขึ้นในทุน

ทฤษฎีสังคมนิยม

นักสังคมนิยม มีความคิดเห็นขัดกับมัลธัสที่ว่า ประชากรสามารถเพิ่ม
ได้โดยการเพิ่มผลผลิตหรือการระดมทุนให้สูงขึ้น และการเพิ่มประชากรจะนำไปสู่
การปฏิรูปสังคมซึ่งจะท าให้ขยายการผลิต และประชากรมีโอกาสเข้าร่วมในการ
ผลิตมากขึ้น เป็นการป้องกันการว่างงาน และการมีประชากรมากเกินไป

The Cultural Population
Theories

เป็นทฤษฎีที่อาศัยวัฒนธรรมและ
สังคมเป็นมูลฐานในการอธิบาย
การจำกัดอัตราการเกิดกล่าวคือการจำกัดอัตราการเกิดขึ้นอยู่กับ
จิตใจ

แนวคิดสมยัโบราณ และสมัยกลาง

มีข้อสรุปที่ว่า การเพิ่มจำนวนประชากรมากไปนั้น อาจจะ
ทำให้ผลผลิตต่อประชากรที่ทำงานหนึ่งคนลดลง และจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อ
มาตรฐานการครองชีพที่ต่ำลงเช่นกัน

แนวคิดของนักปราชญจีนโบราณ

อัตราตายของประชากรจะสูงขึ้นเมื่อการผลิตอาหารไม่เพียงพอ

การสมรสก่อนการมีระดับวุฒิภาวะที่เหมาะสม จะทำอัตราตายของ
ทารกสูง

ภาวะสงคราม ทำให้อัตราเพิ่มของประชากรเปลี่ยงแปลงได้

ประเพณีการสมรสที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในพิธีสมรส จะทำให้อัตราการ
สมรสลดลง

แนวคิดสมยักรีกตอนต้น

(Plato and Aristotle) ได้พยายามกำหนดจำนวน
ประชากรที่เหมาะสมสำหรับนครรัฐ (city-stage) ในสมัยนั้น โดยนคร
รัฐในอุดมการณ์จะต้องมีประชากร 5,040 คนเท่านั้น และได้เสนอการรักษาระดับประชากรไว้ ดังนี้

กรณีมีประชากรน้อยเกินไป

ส่งเสริมการสมรส โดยการให้สินจ้าง ส่งเสริมแนวคิดการมีภรรยาหลายคน

ให้อิสระในการย้ายถิ่นฐานเข้ามาในนครรัฐ

กรณีมีประชาการมากเกินไป

ให้มีการคุมจ านวนบุตรเกิดสำหรับครอบครัวใหญ่ และขยายอาณานิคม

แนวคิดสมัยจักรวรรดิโรมัน

ทรรศนะของชาวโรมันที่เกี่ยวข้องกับภาวะประชากร คือ
เพื่อความยิ่งใหญ่ของประเทศ การขยายอำนาจ กำลังพลทางทหาร
ดังนั้น กฎหรือข้อบังคับส่วนใหญ่จึงเป็นการส่งเสริมการเพิ่มจำนวน
ประชากร

แนวคิดของฮีบรู(ยิว)

มีการระบุว่า จำนวนประชากร
ที่มากเกินไป สามารถถูกควบคุมได้ด้วย สงคราม โรคระบาด และการ
ย้ายถิ่นฐาน

แนวคิดของกลุมคริสเตียน

ประนามการสมรสที่มีภรรยาได้หลายคน การหย่าร้าง การทำ
แท้ง การฆ่าทารก และการกำจัดชีวิตเด็ก

ยกย่องสรรเสริญความเป็นหญิงพรหมจารีความรู้สึกอดกลั้นต่อ
ความต้องการทางเพศ ความละอายต่อการสมรสครั้งที่สอง

แนคิดของกลุ่มมุสลิม

นักปราชญ์สำคัญของกลุ่มมุสลิม คือ (Ibn khaldoun)
ได้เสนอแนวคิดทางประชากรไว้

ในที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น จะนำไปสู่ฐานะความเป็นอยู่
ที่สูงขึ้น และก่อให้เกิดความมั ่นคง

การเปลี่ยนแปลงประชากร สัมพันธ์กับภาวะทางเศรษฐกิจ เช่น
ช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจที่รุ่งเรือง การเพิ่มประชากรก็จะสูง

แนวคิดของสำนักลัทธิพาณิชย์นิยม

พิจารณาประชากรในแง่ประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ การเมืองและ
การทหาร

เน้นประโยชน์ที่ได้จากการมีจำนวนประชากรเพิ่มมาก ว่าเป็นการเพิ่ม
บุคคลที่อยู่ในวัยแรงงาน ซึ่งจะทำให้ค่าจ้างแรงงานถูก

ส่งเสริมให้มีการสมรส และถ้ามีประชากรเพิ่มมากเกินไป ก็จะ
แก้ปัญหานั้นด้วยการส่งประชากรอยู่ไปอยู่ยังประเทศอาณานิคม

ไม่ให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพประชากร

แนวคิดทางคณิตศาสตร์การเมือง

ไม่ให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพประชากร

Sir William Petty นำหลักการทางคณิศาสตร์เศรษฐศาสตร์และ
การเมือง มาสร้างทฤษฎีซึ่งเน้นไปที่ ประชากร เป็นทุนมนุษย์

Sussmilch กล่าวว่า ประชากรจะเพิ่มในลักษณะที่เป็นอนุกรม
เรขาคณิต (Geometric progression)