knoweledge society

1.นิยามหรือความหมายของสังคมความรู้้(Definition of Knowledge Society)

สังคมความรู้

สังคมคทีมีการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากสารสนเทศสูง สังคมเกิดการเรียนรู้โดยผ่านสื่อ เทคโนโลยี สารสนเทศ องกรณ์ต่างๆ และใช้ความรู้เป็นเครื่องมือในการเลือกและตัดสินใจเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาอย่างเหมาะสมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง

2.ยุคของสังคมความรู้แบ่งเป็น2ยุค(Knowledge Society Era)

สังคมความรู้ยุคที่ 1

เป็นสังคมความรู้ที่มีพลังและอำนาจอยู่ด้วยกัน

ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะมีความสามารถ 5 ดังนี้

1 Knowledge Access คือ การเข้าถึงความรู้ด้วยวิธีการต่างๆ

2 Knowledge Validation คือ การประเมินความถูกต้องของความรู้

3 Knowledge Valuation คือ การตีค่า การตีความรู้

r

3) Knowledge Valuation คือ การตีค่า การตีความรู้ ว่าเมื่อมีการใช้ความรู้นั้นแล้วมี ความคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งในการตีค่าความรู้ที่มีหลักฐานถูกต้องตามหลักวิชาการแต่ไม่เหมาะสมที่จะ น ามาใช้โดยส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจาก 1)ความ ไม่คุ้มค่า หรือราคาแพงเกินกว่าผลประโยชน์ 2) ใช้ ส าหรับสิ่งที่ไม่จ าเป็น หรือฟุ่มเฟือย 3)ปฏิบัติจริงได้ยาก ขาดสิ่งจ าเป็น 4)ขัดกับความคิด ความเชื่อ หรือวัฒนธรรม และ 5)ไม่สร้างความยุติธรรม และศักดิ์ศรีมนุษย์ 4) Knowledge Optimization คือ การท าความรู้ให้ง่ายที่จะใช้ การน าความรู้ออกมา เป็นกฎเกณฑ์ ระเบียบต่าง ๆ ต้องมีพื้นฐานมาจากความรู้ เช่น การท าคู่มือต่าง ๆ 5) Knowledge Dissemination คือ การกระจายความรู้ ปัจจุบันความรู้เป็นสมบัติ สาธารณะที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ อยู่ที่ความสามารถของแต่ละคนที่จะเข้าถึงความรู้การวิจัยหรือ ความรู้จึงเป็นเครื่องมือส าคัญในการสร้างพลังที่น าไปสู่ Empowerment ซึ่งความรู้ไม่ได้มีไว้ใช้เพียง อย่างเดียว แต่ความรู้น ามาสร้างเป็นพลังได้ 2.2 สังคมความรู้ยุคที่ 2 เป็นสังคมความรู้แบบพอเพียง สมดุล บูรณาการ ประชาชนและทุก ภาคส่วนมีบทบาทในการร่วมกันเป็นเจ้าของ และเป็นผู้ใช้ความรู้ให้เป็นพลัง มีความเป็นอิสระ และ พึ่งตนเอง นักวิชาการ นักวิชาชีพมีบทบาทเป็น Knowledge Broker ท าให้เกิดเป็นวิจัยแบบบูรณา 1Knowledge Society 3 การที่ผลงานวิจัยย่อย ๆ หลาย ๆงานวิจัยรวมตัวกันเพื่อแก้ปัญหาวิจัยย่อยและปัญหาใหญ่แบบครบ วงจรวัฎจักรของความรู้ในสังคม ลักษณะส าคัญของสังคมความรู้ยุคที่ 2 คือ 1) มีการสะสมความรู้ภายในสังคม 2) มีการถ่ายโอนความรู้ภายสังคม 3) มีการสร้างสรรค์ความรู้ใหม่ในสังคม 4) มีการประยุกต์ความรู้มาใช้ภายในสังคม

4 Knowledge Optimization คือ การทำความรู้ให้ง่ายที่จะใช้ การนำความรู้ออกมาเป็นกฎเกณฑ์ระเบียบต่าง ๆ

5 Knowledge Dissemination คือ การกระจายความรู้ ปัจจุบันความรู้เป็นสมบัติ

สังคมความรู้ยุคที่ 2

เป็นสังคมความรู้แบบพอเพียง สมดุล บูรณาการ ประชาชนและทุกภาคส่วน

ลักษณะสำคัญของสังคมความรู้ยุคที่ 2 คือ

1 มีการสะสมความรู้ภายในสังคม

2 มีการถ่ายโอนความรู้ภายสังคม

3 มีการสร้างสรรค์ความรู้ใหม่ในสังคม

4 มีการประยุกต์ความรู้มาใช้ภายในสังคม

3. ลักษะสังคมแห่งการเรียนรู้

3.1 ไม่จำกัดขนาดและสถานที่ตั้ง
3.2 เน้นการจัดการเรียนรู้เป็นปัจจัยหลัก
3.3 ประชาชนได้รับโอกาสการพัฒนา (Key Individuals)
3.4 สถาบันทางสังคมในพื้นที่เป็นตัวหลักในการริเริ่ม/ดำเนินการ (Key Institutions)
3.5 มีกลุ่มภาคประชาชนเป็นแกนกลาง (Core Groups) เพื่อรวมตัวกันจัดกิจกรรมพัฒนาชุมชน
3.6 มีการพัฒนานวัตกรรมและระบบการเรียนรู้
3.7มีภาคีเครือข่ายที่ร่วมดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
3.8 การริเริ่ม/การเปลี่ยนแปลงมีอยู่ตลอดเวลา
3.9 สถานศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนแห่งการเรียนรู้
3.10 ความรับผิดชอบเป็นหน้าที่ของบุคคลและชุมชนร่วมกัน
3.11 ทุกคนเป็นครูและผู้เรียน

5. กระบวนการจัดการความรู้(Processes of Knowledge)

กระบวนการที่ช่วยให้เกิดการพัฒนาการของความรู้ หรือการจัดการกับความรู้ที่จะเกิดขึ้นภายในองค์กรซึ่งมีดังนีั้

1.การบ่งชี้ความรู้

2.การสร้างและแสวงหาความรู

3.การจัดความรู้ให้เป็นระบบ

4.การประมวลและกลั่นกรองความรู้

5.การเข้าถึงความรู้

6.การจัดการความรู้ในองค์กรการแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้

7.การเรียนรู้ ควรท าให้การเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของงาน

4. ความรู้ (Knowledge)

4.1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ “ความรู้”

ข้อมูล สารสนเทศและความรู้ มีความหมายที่เกี่ยวข้องกันจนในบางครั้งไม่สามารถแยกออกจากกันได้

4.1.1 ความหมายของข้อมูล (Data)

1) ข้อมูลตัวเลขหรือข้อมูลเชิงจำนวน (Numeric Data) เป็นข้อมูลตัวเลข ที่สามารถนำมาบวก ลบ คูณ หารได้ เช่น ข้อมูลบัญชีการเงิน ราคาสินค้า เป็นต้น
2) ข้อมูลตัวอักษรหรือข้อมูลที่เป็นข้อความ (Text Data) เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถนำมาคำนวณได้ เช่น ชื่อคน ชื่อบริษัท เป็นต้น
3) ข้อมูลกราฟิก (Graphical Data) เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างภาพกราฟิก เช่นข้อมูลภาพโต๊ะ ภาพเก้าอี้ ภาพอาคาร เป็นต้น
4) ข้อมูลภาพลักษณ์ (Image Data) เป็นข้อมูลที่เกิดจากการถ่ายภาพกล้องดิจิตอล หรือการสแกนเอกสารด้วยเครื่องสแกนเนอร์ ข้อมูลประเภทนี้จัดเก็บเป็นจุดภาพและไม่สามารถนำไปคำนวณได้ เช่น ภาพใบหน้าของพนักแต่ละคนในบริษัท เป็นต้น
5) ข้อมูลเสียง (Voice Data) คือ เสียงต่างๆ ได้แก่ เสียงสั่งงานคอมพิวเตอร์ หรือเสียงพูด เสียงที่บันทึกไว้ฟัง เป็นต้น

4.1.2 ความหมายของสารสนเทศ (Information)

สารสนเทศ มาจากภาษาอังกฤษคำว่า “Information”

ข้อมูลที่มีคุณค่าและคุณประโยชน์ ทั้งในเชิงจำนวนและคุณภาพ เช่น ข้อมูลความเป็นจริงในการปฏิบัติงาน

ข้อมูลที่ถูก
มนุษย์วิเคราะห์และตีความแล้ว มีคุณค่าสูงกว่าข้อมูล เนื่องจาสามารถสื่อความหมายได้โดยมีความครอบคลุมที่กว้างกว่า

โดยสารสนเทศนั้นบันทึกไว้ในรูปแบบของวัสดุตีพิมพ์ได้แก่ หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์นิตยสาร

ข้อมูลข่าวสาร ข้อเท็จจริง ความรู้ต่างๆ ที่ผ่านการประมวลผลแล้วและสามารถนนำมาใช้ประโยชน์ได้โดยสารสนเทศนั้นบันทึกไว้ในรูปแบบของวัสดุตีพิมพ์ได้แก่ หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์นิตยสาร

4.2 ความหมายของความรู้(Definition of Knowledge)

ความเข้าใจในเรื่องบางเรื่อง หรือสิ่งบางสิ่ง ซึ่งอาจจะรวมไปถึงความสามารถในการนำสิ่งนั้นไปใช้เพื่อเป้าหมายบางประการ โดยอาศัยกระบวนการที่แปรผลมาจากข้อมูล สารสนเทศ การศึกษา ประสบการณ์ต่างๆ ที่สะสมในอดีต

4.2 ประเภทรูปแบบความรู้(Type of Knowledge)

มี2ประเภทคือ

1 Tacit Knowledge

ความรู้ที่ซ่อนอยู่ในแต่ละบุคคลหรือความรู้ที่ซ่อนเร้น เป็นความรู้ที่ได้จาประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญหรือสัญชาติญาณของแต่ละบุคคลในการทำความเข้าใจในสิ่งต่างๆ

2) Explicit Knowledge

ความรู้ที่เด่นชัดหรือความรู้ที่บันทึกไว้ เป็นความรู้ที่สามารถ
รวบรวม ถ่ายทอดได้ โดยผ่านวิธีต่างๆ เช่น ฐานข้อมูล ระบบผู้เชี่ยวชาญ รายงาน