OPAC หรือ Online Public Access Catalog เป็นเครื่องมือที่บันทึกรายละเอียดข้อมูลบรรณานุกรมของทรพัยากร สารสนเทศที่มีในห้องสมุดไว้ในฐานข้อมูลบรรณานุกรมด้วยระบบคอมพิวเตอร์
ผู้ใช้สามารถป้อนคำสำคัญหรือหัวเรื่องที่ต้องการสืบค้นและ แสดงผลการสืบค้นได้ทางจอภาพ
รูปแบบการค้นแบบ OPAC
Author : ชื่อผู้แต่ง (บุคคล หน่วยงาน นามแฝง)
Call Number : เลขเรียกหนังสือ
Subject : หัวเรื่อง (คำที่ใช้แทนเนื้อหาของหนังสือ)
Title : ชื่อหนังสือ ชื่อเรื่อง
General Keyword: คำในชื่อเรื่อง หัวเรื่อง หรือคำในสารบัญ
สถานภาพ (Status)
Repaired ส่งซ่อม
Due 16Aus18 ถูกยืมออก
Non Circ ห้ามยืมออก
Available ยืมได้ดูที่ชั้นเก็บ
Missing หนังสือหาย
On Hold ถูกจอง
On Reserved หนังสือจอง
วิธีการสืบค้น
จากหน้าจอรายการหลักของOPACให้เลือกรายการที่ต้องการจะใช้ เป็นทางเลือกในสืบค้นจากเมนู เช่น ชื่อผู้แต่ง ชื่อเรื่อง หัวเรื่อง เป็นต้น
ป้อนข้อมูลที่ต้องการสืบค้นตามรายการที่ใช้เป็นทางเลือกเช่นเลือก ทางเลือกผู้แต่ง พิมพ์ชื่อผู้แต่ง
หากต้องการได้รายละเอียดโดยย่อของรายการใด ให้คลิกเม้าส์ที่ รายการที่ต้องการ ระบบจะแสดงรายละเอียดของรายการดังกล่าว ซึ่ง จะประกอบไปด้วยชื่อเรื่อง ชื่อผู้รับผิดชอบ และปีพิมพ์
หากต้องการได้รายละเอียดที่สมบูรณ์ของรายการใดให้คลิกเม้าส์ที่ รายการที่ต้องการระบบจะแสดงรายละเอียดที่สมบูรณ์ของรายการ นั้นๆ หากเป็นหนังสือหรือโสตทัศนวัสดุรายละเอียดที่ได้ประกอบด้วย เลขเรียกหนังสือ สถานที่ที่มีทรัพยากรสารสนเทศนั้น รายละเอียดทาง บรรณานุกรม สถานภาพของหนังสือว่ามีกี่เล่ม มีอยู่ที่ใด อยู่บนชั้นหรือ มีผู้ยืมไป ถ้ามีผู้ยืมจะบอกวันที่กาหนดส่งคืน (date due) หากเป็น บทความวารสาร ระบบจะแสดงผลการสืบค้นเป็นรายการย่อ ซึ่ง ประกอบด้วยชื่อบทความ ชื่อวารสาร ปีที่ ฉบับที่ และปีพิมพ์ ของ วารสารที่ตีพิมพ์บทความนั้น รวมทั้งบอกด้วยว่าห้องสมุดมีวารสารนั้น ตั้งแต่ปีใดถึงปีใด
กระบวนการค้นหาสารสนเทศที่ต้องการ โดยใช้เครื่องมือสืบค้น
ฐานข้อมูลออนไลน์ เป็นแหล่งสารสรเทศที่มีขนาดใหญ่และขอบเขตกว้างซึ่งผู้จัดได้จัดทำขึ้นเพื่อให้บริการสำหรับผู้ที่ต้องการสืบค้นสารสนเทศไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
ประเภทของฐานข้อมูลออนไลน์
ฐานข้อมูลออนไลน์ท่ีห้องสมุดหรือศูนย์สารสนเทศบอกรับเป็นสมาชิก คือฐานข้อมูลออนไลน์ที่ห้องสมุดหรือศูนยส์ารสนเทศน้ันๆบอกรับหรือซื้อฐานข้อมูลน้ันมาให้บริการกับผู้ใช้
เช่น IOP Electronic Journals, Wilson Omnifile, AGRICOLA เป็นต้นฐานข้อมูลทดลองใช้ฐานข้อมูลลักษณะน้ีเป็นฐานข้อมูลที่ห้องสมุดหรือ ศูนย์สารสนเทศนำมาทดลองให้บริการกับผู้ใช้ก่อนที่ศูนย์สารสนเทศจะตัดสิใจซื้อหรือสมัครเป็นสมาชิกของฐานข้อมูลน้ันจริงๆ
นามานุกรม (Web Directories) เป็นเครื่องมือในการสืบค้นที่รวบรวมสารสนเทศ บนอินเทอร์เน็ต และคัดแยกสารสนเทศเหล่านั้นออกเป็นกลุ่ม ตามสาขาวิชาหรือตามหลักเกณฑ์ท่ี ผู้จัดทำกำหนดขึ้น
เครื่องมือสืบค้น (Search engine) เป็นเครื่องมือในการสืบค้นที่อาศัยการทำงาน ของโปรแกรมที่พัฒนาขึ้น โดยแต่ละตัวได้รับการพัฒนาจากบุคคลหลายๆ หน่วยงาน มีผลให้ Search Engine แต่ละตัวมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป โดยทั่วไป องค์ประกอบของกลไกการสืบค้นสารสนเทศของSearch Engine มี 3 ส่วน ซึ่ง ส่วนต่างๆ ทั้ง 3 ส่วน
ตัวสารวจหรือรวบรวมข้อมูล เป็นซอฟต์แวร์ สำหรับสำรวจเว็บ โดยจะทำหน้าท่ีตระเวนไปยังเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อทำการรวบรวม สารสนเทศ และส่งกลับมายังดรรชนีหรือฐานข้อมูลเพื่อทำการประมวลผล
ตัวดรรชนี (Indexer) หรือ Catalogซึ่งเป็นฐานข้อมูลทาหน้าที่รวบรวมคำและตำแหน่งทุกๆ เพจที่ตัวสารวจรวบรวมมาได้ ในส่วนน้ีจะมีโปรแกรมช่วยในการจัดทำดรรชนีเพื่อให้ผู้ใช้สามารถค้นหาสารสนเทศได้สะดวกข้ึน
โปรแกรมค้นข้อมูล (Search Engine Software หรือ Query Processor) ทำหน้าท่ีเปรียบเทียบความเก่ียวข้องระหว่างเว็บไซต์และความต้องการของผู้สืบค้นว่ามี ความเก่ียวข้องมากน้อยเพียงใด
เทคนิคตรรกบูลลีน
การใช้ And, Or, Not ประกอบเป็นประโยคการค้น เช่นเดียวกับการสืบค้นใน
ระบบออนไลน์อื่นๆ โดยเครื่องหมาย หรือตัวกระทำของตรรกบูลลีนจะ แตกต่างกันไปในแต่ละกลไก
การใช้เทคนิคตรรกบูลลีนจากเมนูทางเลือก (Drop down menu) ว่าต้องการ สืบค้นการท่ีเกี่ยวข้องกับคำค้นอย่างไร
การใช้เครื่องหมาย + (Plus) หรือ – (Minus)กำหนดหน้าคำค้นท่ีต้องการ เครื่องหมาย + หมายถึงในผลการค้นต้องมีคำท่ีกำหนดน้ัน และเครื่องหมาย – หมายถึงไม่ต้องการให้พบคำน้ันในผลการสืบค้น
เทคนิคการตัดคำ
ใช้เครื่องหมาย * (asterisk) แทนการตัดคำส่วนใหญ่เป็นการตัดท้ายคำค้นท่ีต้องการ กลไกท่ีสามารถใช้เทคนิคการตัดคำได้ เช่น altavista เป็นต้น ส่วน Hotbot สามารถตัดคำได้ 2 ลักษณะคือ * และ ? โดย * หมายถึง ให้สืบค้นคำท่ีมีรากคำตามที่กำหนดโดยอาจมีตัวอักษรอื่น ๆ ต่อท้ายได้ไม่จากัดจำนวน และ ? หมายถึง ให้สืบค้นคำท่ีมีรากคำตามท่ีกำหนด และมีตัวอักษรตามหลังได้อีกไม่เกินจำนวน ? ที่กำหนดในคำค้น
การสืบค้นในลักษณะของ Stemming หมายถึง การสืบค้นจากรากคำเช่นคำค้นเป็น think กลไกจะสืบค้นคาอื่น ๆ ที่ข้ึนต้นด้วย think เช่น thinking
เทคนิคการใช้คำใกล้เคียง
โดยใช้คาว่า ADJ, NEAR, FAR และ BEFORE ประกอบ เป็นประโยคการค้น เพื่อกำหนดลักษณะของผลการสืบค้นที่ต้องการว่าต้องการให้มีคำใดอยู่ในลักษณะใด
เทคนิคการใช้รหัสกำกับคำค้น
สืบค้นจากเมนูทางเลือก (Drop down menu) ซึ่งกลไกสืบค้นหลาย ๆ กลไก กำหนดให้ผู้สืบค้นเลือกเขตข้อมูลที่ต้องการสืบค้นได้จากเมนูทางเลือก
สืบค้นโดยใช้เขตข้อมูลกำกับลงในประโยคการค้น เช่น title:nba หมายถึงให้ ค้นเพจที่มีคำว่า nba ปรากฏในช่ือเรื่อง before:30/9/99 หมายถึง ให้สืบค้น เอกสารท่ีมีการจัดทำก่อนวันที่ 30 ก.ย. 1999
การสืบค้นสารสนเทศจากฐานข้อมูล OPAC ฐานข้อมูลออนไลน์และบนอินเทอร์เน็ตนั้น เป็นความสามารถของแต่ละบุคคล ซึ่งความสามารถดังกล่าวประกอบไปด้วยทักษะ และเทคนิคของ การสืบค้น ซึ่งผู้สืบค้นแต่ละคนจะมีมากน้อยเพียงใดนั้นข้ึนอยู่กับการฝึกฝนและพัฒนาทักษะอย่าง ต่อเนื่อง นอกจากนี้ผู้สืบค้นควรมีทักษะของการคัดเลือกและการประเมินสารสนเทศท่ีได้รับจาก อินเทอร์เน็ตร่วมด้วย ขณะเดียวกันผู้สืบค้นก็ต้องรู้จักวิธีการท่ีคัดเลือกและประเมินสารสนเทศท่ีค้น ได้ในแต่ละครั้งด้วย เพื่อท่ีจะได้นำสารสนเทศที่มีคุณค่า ถูกต้อง และตรงกับความต้องการของ ตนเองไปใช้งานได้อย่างเหมาะสม