สรุปบททที่ 2
การสืบค้นสารสนเทศและความรู้

เทคนิคการตัดคำสามารถทำได้ 2 ลักษณะ คือ

2.การสืบค้นในลักษณะของ Stemming หมายถึง การสืบค้นจากรากคำเช่นคำค้นเป็น think กลไกจะสืบค้นคำอื่น ๆ

1.การใช้เครื่อง กลไกส่วนใหญ่ใช้เครื่องหมาย * (asterisk) แทนการตัดคำส่วนใหญ่เป็นการตัดท้ายคำค้นที่ต้องการ

เทคนิคการสืบค้นสารสนเทศจากอินเทอร์เน็ต

1.เทคนิคตรรกบูลลีน แบ่งได้ออกเป็น 3 ลักษณะคือ

1.การใช้ And, Or, Not ประกอบเป็นประโยคการค้น เช่นเดียวกับการสืบค้นในระบบออนไลน์อื่นๆ โดยเครื่องหมาย หรือตัวกระทำของตรรกบูลลีนจะแตกต่างกันไปในแต่ละกลไก

2.การใช้เทคนิคตรรกบูลลีนจากเมนูทางเลือก (Drop down menu) ว่าต้องการ0สืบค้นการที่เกี่ยวข้องกับคำค้นอย่างไร

3.การใช้เครื่องหมาย + (Plus) หรือ – (Minus) ก าหนดหน้าคำค้นที่ต้องการเครื่องหมาย + หมายถึงในผลการค้นต้องมีคำที่กำหนดนั้น และเครื่องหมาย –หมายถึงไม่ต้องการให้พบคำนั้นในผลการสืบค้น

เทคนิคการใช้คำใกล้เคียง

3.1 ADJ หมายถึง ให้คำที่ค้นอยู่ใกล้กัน สลับลำดับคำได้

3.2 NEAR หมายถึง ให้คำที่ค้นอยู่ใกล้เคียงกันในระยะ 25 คำสลับที่ได้

3.3 FAR หมายถึง ให้คำค้นอยู่ห่างกันได้ 25 คำ หรือมากกว่านั้น

3.4 BEFORE หมายถึงให้คำค้นอยู่ห่างกันในระยะ 25 คำ โดยต้องอยู่ตามลำดับที

องค์ประกอบของกลไกการสืบค้นสารสนเทศบนอินเทอร์เน็ต (Search Engine)

1.ตัวสำรวจหรือรวบรวมข้อมูล (Spider หรือ Crawler หรือ Robot) เป็นซอฟต์แวร์สำหรับสำรวจเว็บ โดยจะทำหน้าที่ตระเวณไปยังเว็บไซต์ต่างๆ

2.ตัวดรรชนี (Indexer) หรือ Catalog ซึ่งเป็นฐานข้อมูลทำหน้าที่รวบรวมคำและตำแหน่งทุกๆ เพจที่ตัวสำรวจรวบรวมมาได้ ในส่วนนี้จะมีโปรแกรมช่วยในการจัดทดรรชนีเพื่อให้ผู้ใช้สามารถค้นหาสารสนเทศได้สะดวกขึ้น

3.โปรแกรมค้นข้อมูล (Search Engine Software หรือ Query Processor) ทำหน้าที่เปรียบเทียบควาเกี่ยวข้องระหว่างเว็บไซต์และความต้องการของผู้สืบค้นว่ามีความเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด

การสืบค้นสารสนเทศบนอินเทอร์เน็ต

1. ข้อมูลการตลาดสำหรับสินค้า และผลิตภัณฑ์ รวมถึงสื่อโฆษณาต่าง ๆ (ProductInformation)
2. นามานุกรมของพนักงานของแต่ละหน่วยงาน (Staff Directory)
3. การจัดแบ่งหมวดหมู่ของสิ่งพิมพ์ในสถาบันบริกาสารสนเทศ (Library Catalog)
4. ข่าวสารทันสมัย (Current News)
5. ข่าวสารข้อมูลทางราชการ (Governmental Information)
6. การแถลงข่าวแก่สื่อมวลชน (Press Release)
7. บทความที่เลือกสรรเฉพาะ (Selected Article Reprints)
8. ข้อมูลทางด้านบันเทิง ทีวี เกม ภาพยนตร์ เพลง และอื่นๆ

1. นามานุกรม (Web Directories) เป็นเครื่องมือในการสืบค้นที่รวบรวมสารสนเทศบนอินเทอร์เน็ต และคัดแยกสารสนเทศเหล่านั้นออกเป็นกลุ่ม ตามสาขาวิชาหรือตามหลักเกณฑ์ที่ผู้จัดทำกำหนดขึ้น การสืบค้นสามารถทำได้โดยการเลือกกลุ่มสาขาวิชาที่ตรงกับความต้องการ และ
เลือกเรื่องต่างๆ

2. เครื่องมือสืบค้น (Search engine) เป็นเครื่องมือในการสืบค้นที่อาศัยการทำงานของโปรแกรมที่พัฒนาขึ้น โดยแต่ละตัวได้รับการพัฒนาจากบุคคลหลายๆ หน่วยงาน มีผลให้Search Engine แต่ละตัวมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป

1. การสืบค้นสารสนเทศจากฐานข้อมูลบรรณานุกรมออนไลน์ หรือที่เรียกว่า OPAC
(Online Public Access Catalog) เป็นรูปแบบหนึ่งของเครื่องมือช่วยค้นทรัพยากรสารสนเทศของห้องสมุดหรือศูนย์สารสนเทศซึ่งปรับเปลี่ยนจากรูปแบบบัตรรายการในตู้บัตรรายการมาเป็นระเบียนบรรณานุกรมในฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์

1.วิธีการสืบค้นโดยใช้ทางเลือกต่างๆ ใน OPAC

4 หากต้องการได้รายละเอียดที่สมบูรณ์ของรายการใด ให้คลิกเม้าส์ที่รายการที่ต้องการระบบจะแสดงรายละเอียดที่สมบูรณ์ของรายการนั้นๆ

3 หากต้องการได้รายละเอียดโดยย่อของรายการใด ให้คลิกเม้าส์ที่รายการที่ต้องการ ระบบจะแสดงรายละเอียดของรายการดังกล่าว ซึ่งจะประกอบไปด้วยชื่อเรื่อง ชื่อผู้รับผิดชอบ และปีพิมพ์

2 ป้อนข้อมูลที่ต้องการสืบค้นตามรายการที่ใช้เป็นทางเลือก เช่น เลือกทางเลือกผู้แต่ง พิมพ์ชื่อผู้แต่ง เลือกทางเลือกคำสำคัญ พิมพ์คำสำคัญที่ต้องการสืบค้น เป็นต้น

1 จากหน้าจอรายการหลักของ OPAC ให้เลือกรายการที่ต้องการจะใช้เป็นทางเลือกในสืบค้นจากเมนู เช่น ชื่อผู้แต่งชื่อเรื่อง หัวเรื่อง เป็นต้นนอกจากนี้ควรเลือกให้ถูกต้องด้วยว่าต้องการสืบค้นหนังสือโสตทัศนวัสดุ หรือบทความในวารสาร ตามช่องที่กำหนด

2.ข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นด้วย OPAC

1.ข้อมูลบรรณานุกรม (Bibliographic description)
ประกอบด้วย

1.ผู้แต่ง
2.ชื่อเรื่อง
3.พิมพ์ลักษณ์
4.สถานภาพ
5.เลขเรียกหนังสือ
6.รูปเล่ม
7.หมายเหตุ
8.สถานที่
9.หัวเรื่อง
10.เลขมาตรฐาน

2. ข้อมูลดรรชนีวารสาร (Periodical Index)

1.ชื่อผู้แต่ง
2.ชื่อเรื่อง
3.ปี
4.ชื่อห้องสมุดที่บอกรับวารสารชื่อนั้นๆ
5.สถานที่
6.ชื่อวารสาร
7.เลขมาตรฐานสากลประจำวารสาร
8.หัวเรื่อง

2.รายละเอียดและตัวอย่างการสืบค้น OPAC ปรากฎในภาคผนวก ก1

1. ฐานข้อมูลออนไลน์ที่ห้องสมุดหรือศูนย์สารสนเทศบอกรับเป็นสมาชิก คือฐานข้อมูลออนไลน์ที่ห้องสมุดหรือศูนย์สารสนเทศนั้นๆ บอกรับหรือซื้อฐานข้อมูลนั้นมาให้บริการกับผู้ใช้โดยมีการจำกัดระยะเวลาในการใช้

2. ฐานข้อมูลส านักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา หรือ ฐานข้อมูล ThaiLIS (ThaiLibrary IntegratedSystem) เป็นฐานข้อมูลที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และโครงการ Thai Library Integrated System เช่าใช้ฐาน ข้อมูล วิชาการโดยมี
สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษารับผิดชอบค่าใช้จ่าย เพื่อให้มหาวิทยาลัยของรัฐร่วมกันใช้บริการสืบค้สารสนเทศ

3.ฐานข้อมูลทดลองใช้ฐานข้อมูลลักษณะนี้เป็นฐานข้อมูลที่ห้องสมุดหรือศูนย์สารสนเทศนามาทดลองให้บริการกับผู้ใช้ก่อน ก่อนที่ห้องสมุดหรือศูนย์สารสนเทศจะตัดสินใจซื้อ
หรือสมัครเป็นสมาชิกของฐานข้อมูลนั้นจริงๆ

การสืบค้นฐานข้อมูลออนไลน์

1. วิเคราะห์เรื่องที่ต้องการสืบค้นและกำหนดคำสำคัญเพื่อใช้ในการค้น การวิเคราะห์เรื่องที่ต้องการสืบค้นคือ ต้องรู้ว่าต้องการข้อมูลในเรื่องใด แล้วจึงกำหนดเรื่องที่ต้องการค้นเป็นคำสำคัญในการสืบค้น

2.เลือกค้นจากฐานข้อมูลที่เหมาะสม ทั้งนี้ต้องทราบว่าเรื่องที่สืบค้นนั้นเป็นเรื่องในสาขาใด เลือกฐานข้อมูลให้ตรงหรือใกล้เคียงกับสาขาวิชาที่สืบค้น

3.ลงมือสืบค้น โดยทั่วไปสามารถสืบค้นได้2 วิธีคือการใช้เมนูในการสืบค้น และการสืบค้นโดยการพิมพ์คำสั่ง การสืบค้นโดยใช้เมนูสามารถทำได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับฐานข้อมูลที่สืบค้นมากนัก

4.แสดงผลการสืบค้น เมื่อสืบค้นจนได้ปริมาณรายการที่พอเพียงกับความต้องการแล้วสามารถแสดงผลรายการที่สืบค้นได้3 รูปแบบใหญ่คือ

1.การแสดงผลแบบเต็มรูปแบบ แสดงผลทุกเขตข้อมูลที่รายการนั้นมีอยู่
2.การแสดงผลแบบย่อ แสดงผลเฉพาะรายการทางบรรณานุกรมเท่านั้น
3.การแสดงผลแบบอิสระแสดงผลที่ก าหนดเขตข้อมูลในการแสดงผลด้วย

5.เลือกรายการที่ตรงกับความต้องการและบันทึกผลข้อมูล เพื่อให้ระบบทราบว่าต้องการรายการใดบ้างในพิมพ์ผลออกทางกระดาษ

เทคนิคการใช้รหัสกำกับคำค้น

1.สืบค้นจากเมนูทางเลือก (Drop down menu)

2.สืบค้นโดยใช้เขตข้อมูลกำกับลงในประโยคการค้น