ความรู้พื้นฐานของการวิจัย
(Foundation of Research)

ตัวแปรและสมมติฐาน

ความหมายของตัวแปร

คุณสมบัติหรือคุณลักษณะ หรือปรากฏการณ์ของสิ่งต่าง ๆ ที่
ผู้วิจัยต้องการจะศึกษาหาความจริง ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่มีชีวิตหรือไม่มีชีวิตก็ได

ลักษณะและชนิดของตัวแปร

ลักษณะของตัวแปร

ตัวแปรรูปธรรม (Concept)

ตัวแปรประเภทนี้มักเป็นตัวแปรที่เป็นรูปธรรม

เชื้อชาติ อาชีพ ระดับการศึกษา

เพศ อายุ ความสูง

ตัวแปรนามธรรม (Construct)

บางครั้งเรียกตัวแปรสมมติฐาน (hypothetical variable)

วิตกกังวล ความเกรงใจ ทัศนคติ ความเป็นผู้นำ แรงจูงใจ

ชนิดของตัวแปร

ตัวแปรอิสระ (independent variable)

ตัวแปรตาม (dependent variable)

แปรแทรกซ้อนหรืออาจเรียกว่าตัวแปรเกิน (extraneous variable)

ตัวแปรสอดแทรก (intervening variable)

การนิยามตัวแปรและการหาข้อมูลหรือข้อเท็จจริง

การหาข้อมูลหรือข้อเท็จจริง

ต้องการนิยามตัวแปร
หรือให้ความหมายของ ตัวแปรที่ศึกษา

การนิยามตัวแปร

การนิยามตัวแปรทำได้ 2 ลักษณะ

การนิยามในลักษณะของการบอกองค์ประกอบ (Constitutive definition)

อธิบายตัวแปรนั้นหมายถึงอะไร มีองค์ประกอบอะไรบ้าง

การนิยามในลักษณะปฏิบัติการ (Operational definition)

ตัวแปรลักษณะนี้ ประกอบด้วย
ลักษณะสำคัญ 4 ประการ

คุณลักษณะหรือองค์ประกอบของตัวแปร

พฤติกรรมที่แสดงออก

สถานการณ์ หรือสิ่งเร้าที่เหมาะสม

เกณฑ์ที่เป็นเครื่องชี้บ่งว่าพฤติกรรมที่แสดงออกมา

สมมติฐาน(hypothesis)

คือคำตอบที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าอย่างสมเหตุสมผลต่อปัญหาที่
ศึกษา

ลักษณะของสมมติฐาน

เป็นข้อความที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ของตัวแปรตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป

สามารถทดสอบความสัมพันธ์ของตัวแปรเหล่านี้ได้และส่วนใหญ่ต้องอาศัยวิธีการทางสถิต

ประเภทของสมมติฐาน

เป็นสมมติฐานที่เขียนอยู่ในรูปของข้อความ
ที่ใช้ภาษาเป็นสื่อในการอธิบายความสัมพันธ์ของตัวแปรที่ศึกษา

มีเทคนิคการเขียนอยู่ 2 แบบ

สมมติฐานแบบมีทิศทาง (directional hypothesis)

ระบุได้แน่นอนถึงทิศทางของความสัมพันธ์ของตัวแปรว่าสัมพันธ์ในทางใด

สมมติฐานแบบไม่มีทิศทาง (Nondirectional hypothesis)

ไม่ได้ระบุทิศทางของความสัมพันธ์ของตัวแปร

การเปรียบเทียบจะระบุเพียงว่าสองกลุ่มนั้นมีคุณลักษณะแตกต่างกันเท่านั้น

แหล่งที่มาของสมมติฐาน

การศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

การสนทนากับผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ

ประสบการณ์เบื้องต้นของผู้วิจัย

การได้ร่วมอภิปรายเกี่ยวกับปัญหาที่จะศึกษากับบุคคลอื่นๆ

การสังเกตพฤติกรรม

ลักษณะของสมมติฐานที่ดี

สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของการวิจัย

อธิบายหรือตอบคำถามได้

ครอบคลุมปัญหาทุกด้าน

อยู่ในรูปแบบที่สามารถลงสรุป
ได้ว่า

สนับสนุน

คัดค้าน

ตอบคำถามเพียงข้อเดียวหรือประเด็นเดียว

สอดคล้องกับสภาพที่เป็นจริง

ต้องสมเหตุสมผลตามทฤษฎีและความรู้ที่ได้จากการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง

เขียนด้วยถ้อยคำที่อ่านเข้าใจง่ายและมีความชัดเจนภายในตัวของมันเอง

สามารถตรวจสอบได้

มีข้อมูลมาสนับสนุน

สามารถคัดค้านได้

มีขอบเขตพอเหมาะไม่แคบหรือกว้างไป

มีอำนาจในการพยากรณ์

การเขียนคำถามวิจัย (Research Questions)

สุวิมล ว่องวาณิช และนงลักษณ์ วิรัชชัย

ให้ความหมายว่า

ข้อความที่เป็นประโยคคำถาม ซึ่งแสดงให้เห็นสิ่งที่ผู้วิจัยต้องการค้นหาคำตอบ

ยกตัวอย่างการตั้งคำถามวิจัยของงานวิจัยประเภทต่าง ๆ

การวิจัยเชิงประวัติศาสตร์

วัตถุประสงค์การวิจัย

บรรยายเหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต

วิเคราะห์เชื่อมโยงความเกี่ยวข้องระหว่างปรากฏการณ์บรรยายสภาพการณ์และ
อภิปรายสรุป

ตัวอย่างคำถามวิจัย

อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดวิวัฒนาการของปรัชญาการศึกษาไทยที่ใช้อยู่ในอดีตจนมาเป็นแบบการเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง

การวิจัยเชิงสำรวจ

วัตถุประสงค์การวิจัย

ศึกษาเหตุการณ์สภาพต่าง ๆที่เกิดขึ้นตัวแปรที่ศึกษาไม่ถูกจัดกระทำแต่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

ตัวอย่างคำถามวิจัย

สภาพปัญหาของการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของครูระดับประถมศึกษามีอะไรบ้าง

การวิจัยเชิงประเมินผล

วัตถุประสงค์การวิจัย

เพื่อตรวจสอบบริบท ปัจจัย กระบวนการ ผลการดำเนินงานในเรื่องใดเรื่องหนึ่งตามเกณฑ์ที่กำหนด และตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการ

ตัวอย่างคำถามวิจัย

โครงการหรือกิจกรรมการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางที่โรงเรียนกำลังดำเนินการอยู่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลระดับใดมีจุดแข็ง จุดอ่อนอะไรบ้าง หากต้องการพัฒนาให้ดีขึ้นควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไร

การวิจัยอนาคต

วัตถุประสงค์การวิจัย

บรรยายสภาพการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต

ตัวอย่างคำถามวิจัย

ลักษณะของการสอนแบบเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางใน 25 ปีข้างหน้าจะมีปรัชญา หลักการ และวิธีการเป็นรูปแบบใด

ผลดี ผลเสีย และผลกระทบที่เกิดจากการสอนแบบเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางในอนาคต 25 ปีข้างหน้ามีลักษณะอย่างไรจะทำอย่างไรจึงจะทำให้เกิดผลดี

กล่าวถึงข้อบกพร่องที่พบในรายงานวิจัยของนิสิตนักศึกษา

การกำหนดคำถามวิจัยในลักษณะของข้อความที่รู้คำตอบอยู่แล้วอาจมีเพียงผู้วิจัยที่ยังไม่รู้คำตอบ

อาทิวรรณ โชติพฤกษ์ ได้กล่าวว่า

การตั้งคำถามเป็นขั้นตอนที่สำคัญ เพราะคำถามวิจัยที่ผู้วิจัยตั้งขึ้นบ่งบอกให้ทราบถึงประเด็นที่ผู้วิจัยต้องการทราบหรือทำความเข้าใจในเรื่องที่เลือกเป็นหัวข้อวิจัยนั้น ๆ

องอาจ นัยพัฒน์

สามารถเขียนได้ 3 ลักษณะ

ประเด็นคำถามเชิงพรรณนา

การกำหนดหัวข้อปัญหาวิจัยในรูปคำถามที่ว่า"What is"

ประเด็นคำถามเชิงความสัมพันธ์

การกำหนดหัวข้อปัญหาวิจัย มุ่งหาความสัมพันธ์ของตัวแปร X กับตัวแปร Y

ประเด็นคำถามเชิงเปรียบเทียบ

คำถามที่มุ่งเน้นการเปรียบเทียบพฤติกรรมหรือปรากฏการณ์ที่สนใจระหว่าง

กลุ่มควบคุมที่ที่ดำเนินตามสภาวะปกติ

กลุ่มทดลองที่จัดกระทำทางการทดลองขึ้น

จรรยาบรรณของนักวิจัย

ความหมาย

หลักความประพฤติอันเหมาะสม แสดงถึงคุณธรรมและจริยธรรมใน
การประกอบอาชีพ

กลุ่มบุคคลแต่ละสาขาวิชาชีพประมวลขึ้นไว้เป็นหลักเพื่อให้สมาชิกในสาขา
วิชาชีพนั้น ๆ ยึดถือปฏิบัติ

มี9 ประการ

นักวิจัยต้องซื่อสัตย์และมีคุณธรรมในทางวิชาการและการจัดการ

นักวิจัยต้องตระหนักถึงพันธกรณีในการทำงานวิจัย

ตามข้อตกลงที่ทำไว้

หน่วยงานที่สนับสนุนการวิจัย

ต่อหน่วยงานที่ตนสังกัด

นักวิจัยต้องมีพื้นฐานความรู้ในสาขาวิชาการที่ทำวิจัย

นักวิจัยต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ศึกษาวิจัย

ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มีชีวิตหรือไม่มีชีวิต

ต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง และเที่ยงตรงในการทำวิจัย

นักวิจัยต้องเคารพศักดิ์ศรีและสิทธิของมนุษย์ที่ใช้เป็นตัวอย่างในการวิจัย

นักวิจัยต้องมีอิสระทางความคิด โดยปราศจากอคติในทุกขั้นตอนของการทำวิจัย

นักวิจัยพึงนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในทางที่ชอบ

ไม่ขยายผลข้อค้นพบจนเกินความเป็นจริง

นักวิจัยพึงเคารพความคิดเห็นทางวิชาการของผู้อื่น

ใจกว้าง และพร้อมเปิดเผยข้อมูลในการวิจัย และพร้อมแก้ไข ปรับปรุงงาน

นักวิจัยพึงมีความรับผิดชอบต่อสังคมทุกระดับ

การจัดกระทำข้อมูล

Input

เป็นการจัดเตรียมข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์

Processing

เป็นขั้นตอนของการจัดแบ่งประเภทของข้อมูล

Output

นำผลจากการขั้นตอนที่ได้จากขั้น Processing

เขียนเป็นรายงาน

นำเสนอในรูปแบบต่างๆ

ตาราง

แผนภูมิ

การสรุปผลการวิจัยและเขียนรายงาน

บทนำ

การตรวจสอบเอกสาร

วิธีการดำเนินการวิจัย

ผลการวิจัย สรุปผลการวิจัย อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ

ความหมายของการวิจัย

เป็นกระบวนการแสวงหาความรู้ที่มีระบบ มีขั้นตอนที่ชัดเจนปราศจาก
อคติส่วนตัว เพื่อนำไปใช้อธิบาย

ปรากฏการณ์ ทางสังคม หรือพัฒนาเป็นกฎ ทฤษฏี

นำไปใช้ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้

จุดมุ่งหมายของการวิจัย

เป้าหมายของการวิจัย

มุ่งหาคำตอบเพื่อนำมาใช้แก้ปัญหา

เป็นการสรุปผล หลักเกณฑ์ และทฤษฏีที่ใช้ในการคาดคะเนเหตุการณ์ที่จะ
เกิดขึ้น

เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูล มาใช้ในการสรุปผล

แนวคิดพื้นฐานของการวิจัย

กฎเหตุและผลของธรรมชาติ(Deterministic Law of Nature)

ระบุว่าปรากฏการณ์ใดๆที่เกิดขึ้นนั้นจะสามารถแสวงหาสาเหตุที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์นั้นได้เสมอๆ

กฎความเป็นระบบของธรรมชาติ(Systematic Law of Nature)

ระบุว่าปรากฏการณ์ใดๆที่เกิดขึ้นตามกฎของเหตุและผลของธรรมชาติจะมีรูปแบบของความสัมพันธ์ของตัวแปรที่ค่อนข้างจะชัดเจน

กฎความสัมพันธ์ของธรรมชาติ(Associative Law of Nature)

ระบุว่าในการเกิดปรากฏการณ์ใดๆที่แตกต่างกันนั้น

กฎองค์ประกอบหลักของธรรมชาติ(Principle Component of Nature)

ระบุว่าตัวแปรสาเหตุและตัวแปรผลที่เกิดขึ้นนั้นๆไม่ได้เป็นความสัมพันธ์เชิงเดี่ยว

แต่จะมีตัวแปรอื่นๆที่มักจะมาเกี่ยวข้องอยู่เสมอๆ

กฎความน่าจะเป็นของธรรมชาติ(Probabilistic Law of Nature)

ระบุว่าในปรากฏการณ์ใดๆนั้นความรู้ความจริงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

ผลลัพธ์ของปรากฏการณ์มีความน่าจะเป็นในการเกิดขึ้นที่ค่อนข้างสูง

คุณลักษณะของการวิจัย

เบสส์และคาน และไวร์มา ได้น าเสนอ
คุณลักษณะของการวิจัยที่คล้ายกัน

ต้องกำหนดวัตถุประสงค์โดยใช้เหตุผลตามหลักความเป็นจริงที่จะสามารถทดสอบได้และวิธีการที่เหมาะสม

ต้องเป็นการดำาเนินการโดยใช้ความรู้ความชำนาญของผู้วิจัยที่จะต้องรับรู้ปัญหาที่เราจะทำวิจัย

และปัญหานั้นมีบุคคลใดประเด็นใดที่ได้ทำวิจัยไปแล้วบ้าง

ต้องเป็นการดำเนินการแสวงหาคำตอบที่นำมาใช้ตอบคำถามของปัญหาที่ ยังไม่สามารถแก้ไขได้

เป็นกิจกรรมที่จะต้องดำเนินการด้วย

ความอดทน

ไม่เร่งรีบ

ต้องยอมรับ/เผชิญอุปสรรค

ต้องมีการจดบันทึกข้อมูล และจัดทำรายงานการวิจัยด้วยความระมัดระวัง

เป็นการแก้ปัญหาที่ช่วยให้สามารถบรรลุเป้าหมายสุดท้าย อย่างมีเหตุผล

เป็นการพัฒนาข้อสรุป หลักเกณฑ์และทฤษฎีที่สามารถนำไปใช้อ้างอิงหรือคาดการณ์

มีแนวคิดพื้นฐานของการได้รับข้อมูลที่สรุปจากประสบการณ์ที่ได้จาก

การสังเกต

ข้อมูลเชิงประจักษ์ (Empirical)

การวิจัยที่มีประสิทธิภาพ จะต้องมี

ระบบ

วิธีการ

แบบแผนการวิจัย

การวิเคราะห์

ถูกต้อง

ชัดเจน

เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลใหม่จากแหล่งปฐมภูมิ

หรือใช้ข้อมูลที่มีอยู่แล้ว

ไม่ใช่เป็นการจัดระบบใหม่ (Reorganizing)

ที่เอาข้อมูลคนอื่นมาสรุปใหม่อีกครั้ง

เพราะทำให้ไม่ได้รับความรู้ใหม่ๆ

ต้องมีกระบวนการสังเกตที่ถูกต้อง ชัดเจน และบรรยายปรากฏการณ์ที่
เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน

มีการใช้เครื่องมือในการวิจัย

เชิงปริมาณ

เชิงคุณภาพ

ธรรมชาติของการวิจัย

การวิจัยเป็นกระบวนการเชิงประจักษ์

กระบวนการแสวงหาคำตอบที่ต้องใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์

ความถูกต้อง

เชื่อถือได้

มีความชัดเจน

การวิจัยเป็นการดำเนินการที่เป็นระบบ

ดำเนินการตามขั้นตอนวิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Method)

การวิจัยมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน

มีจุดมุ่งหมายใน 4ลักษณะ

บรรยาย

อธิบาย

พยากรณ์

ควบคุม

การวิจัยมีความเที่ยงตรง (Validity)

จำเป็นต้องมีความเที่ยงตรงใน 2 ลักษณะ

ความเที่ยงตรงภายใน

ความเที่ยงตรงภายนอก

การวิจัยมีความเชื่อมั่น (Reliability)

ต้องมีความคงเส้นคงวาใน การดำเนินการวิจัย

การวิจัยมีเหตุผล

ที่จะต้องมีเหตุผลที่ชัดเจนในการดำเนินการทุกขั้นตอนเพื่อให้ได้ผลการวิจัยที่ถูกต้อง

การวิจัยเป็นการแก้ปัญหา

เริ่มต้นด้วยปัญหาที่เกี่ยวพันกันระหว่างปัญหา(ตัวแปรตาม) กับวิธีการแก้ปัญหา(ตัวแปรต้น)

การวิจัยต้องมีการเก็บรวบรวมข้อมูลใหม่

ต้องมีการเก็บรวบรวมข้อมูลใหม่เพื่อตอบคำถามตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยนั้นๆ

การวิจัยมีวิธีการที่หลากหลาย

การวิจัยต้องใช้ศักยภาพของผู้วิจัย

ประเภทของการวิจัย

จำแนกตามเวลาที่ใช้ในการทำวิจัย

การวิจัยแบบตัดขวาง/ระยะสั้น(Cross-section Research)

การวิจัยแบบต่อเนื่อง (Longitudinal Research)

ประเภทของการวิจัยจำแนกตามการจัดกระทำ

การวิจัยแบบทดลองเบื้องต้น(Pre Experimental Research)

การวิจัยกึ่งทดลอง(Quasi Experimental Research)

การวิจัยแบบทดลองที่แท้จริง(True Experimental Research)

จำแนกตามประโยชน์ที่ได้รับหรือเหตุผลในการวิจัย

การวิจัยพื้นฐานหรือการวิจัยบริสุทธิ์

การวิจัยการนำไปใช้

จำแนกประเภทการวิจัยตามเป้าหมายหลักของการวิจัย

การวิจัยที่มุ่งบรรยายตัวแปร(Descriptive-Oriented Research)

การวิจัยที่มุ่งอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร(Correlation-Oriented
Research)

การวิจัยที่มุ่งแสวงหาความเป็นเหตุเป็นผลระหว่างตัวแปร(Causal-Oriented
Research)

จำแนกตามลักษณะของวิชา หรือศาสตร์

การวิจัยทางวิทยาศาสตร์(Scientific Research)

การวิจัยทางสังคมศาสตร์(Social Research)

จำแนกตามลักษณะ(ความลึก/ความกว้าง)ของข้อมูล

การวิจัยเชิงปริมาณ(Quantitative Research)

การวิจัยเชิงคุณภาพ(Qualitative Research)

จำแนกตามระเบียบวิธีวิจัย(Methodology)

การวิจัยเชิงประวัติศาสตร์(Historical Research)

การวิจัยเชิงบรรยาย(Descriptive Research)

การวิจัยเชิงสำรวจ(Survey Research)

การศึกษาความสัมพันธ์ (Interrelationship Studies)

การศึกษาพัฒนาการ(Developmental Studies)

จำแนกได้2 ลักษณะ

การศึกษาความเจริญงอกงาม(Growth Studies)

การศึกษาระยะยาว(Longitudinal Approach)

การศึกษาภาคตัดขวาง(Cross-section Approach)

การศึกษาแนวโน้ม(Trend Studies)

ขั้นตอนในการวิจัย

1.เลือกหัวข้อปัญหา

2.กำหนดขอบเขตของปัญหา

วางแผนรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการต่างๆที่เหมาะสม

รู้ถึงเทคนิคต่างๆที่เหมาะสมในการเลือก

กลุ่มตัวอย่าง

สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล

การแปลผลการวิจัย

มองเห็นภาพอย่างแจ่มชัดว่าจะต้องทำอะไรบ้าง

3.การศึกษาเอกสารและผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

4.การกำหนดสมมุติฐาน

5.การเขียนเค้าโครงการวิจัย

6.การสร้างเครื่องมือรวบรวมข้อมูล

7.ขั้นดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล

วิธีการรวบรวมข้อมูลที่นิยมใช้ในการวิจัยทางการศึกษา

การใช้แบบทดสอบ

การใช้แบบวัดเจตคติ

การส่งแบบสอบถาม

การสัมภาษณ์

การสังเกต

การใช้เทคนิคสังคมมิติ

การทดลอง

การจัดกระทำข้อมูล (Data Processing)