การวิจัย หมายถึง กระบวนการแสวงหาความรู้ความเข้าใจท่ีถูกต้องในส่ิงท่ีต้องการศึกษา มี การเก็บรวบรวมข้อมูล การจัดระเบียบข้อมูล การวิเคราะห์และตีความหมายผลที่ได้จากการวิเคราะห์ ท้ังน้ีเพื่อให้ได้มาซึ่งมีคำตอบที่ถูกต้อง
สรุปได้ว่าการวิจัย เป็นกระบวนการแสวงหาความรู้ที่มีระบบ มีขั้นตอนท่ีชัดเจนปราศจาก อคติส่วนตัว สามารถตรวจสอบได้ท่ีผู้วิจัยนามาใช้ศึกษา ค้นคว้าข้อเท็จจริง เพื่อนำไปใช้อธิบาย ปรากฏการณ์ หรือพัฒนาเป็นกฎ ทฤษฏี หรือนำใช้ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ และเชื่อถือได้
ในการวิจัยใดๆ มีจุดมุ่งหมายเพื่ออธิบาย พยากรณ์ หรือควบคุมปรากฏการณ์โดยใช้วิธีการ ทางสถิติเพื่อให้เกิดผลสรุปที่ถูกต้อง ชัดเจน ในการทาความเข้าใจที่สอดคล้องกันและเกิดความเชื่อมั่น ดังน้ันผู้วิจัยและผู้ที่เกี่ยวข้องจาเป็นจะต้องทาความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดพื้นฐานของการวิจ
3.1 กฎเหตุและผลของธรรมชาติ (Deterministic Law of Nature)
3.2 กฎความเป็นระบบของธรรมชาติ (Systematic Law of Nature)
3.3 กฎความสัมพันธ์ของธรรมชาติ (Associative Law of Nature)
3.4 กฎองค์ประกอบหลักของธรรมชาติ (Principle Component of Nature)
3.5 กฎความน่าจะเป็นของธรรมชาติ (Probabilistic Law of Nature)
5.1 การวิจัยเป็นกระบวนการเชิงประจักษ์ หมายถึง การวิจัยเป็นกระบวนการแสวงหาคาตอบที่ ต้องใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ที่มีความถูกต้อง เชื่อถือได้
5.2 การวิจัยเป็นการดำเนินการที่เป็นระบบ หมายถึง การวิจัยเป็นการดำเนินการตามขั้นตอน วิธีการทางวิทยาศาสตร์
5.3 การวิจัยมีจุดมุ่งหมายท่ีชัดเจน หมายถึง การวิจัยเป็นการดำเนินการที่มีจุดมุ่งหมาย
5.4การวิจัยมีความเที่ยงตรง (Validity) หมายถึง การวิจัย ใด ๆ จาเป็นต้องมีความเที่ยงตรง ใน 2 ลักษณะ
5.5 การวิจัยมีความเชื่อมั่น (Reliability) หมายถึง วิจัยจะต้องมีความคงเส้นคงวาในการดำเนินวิจัย
5.6การวิจัยมีเหตุผล หมายถึง การวิจัยเป็นการดาเนินการที่จะต้องมีเหตุผลที่ชัดเจนในการดำเนินการทุกขั้นตอนเพื่อให้ได้ผลการวิจัยที่ถูกต้อง มีความน่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบ
5.7 การวิจัยเป็นการแก้ปัญหา หมายถึง การวิจัยเป็นการดำเนินการที่จะเริ่มต้นปัญหาด้วยวิทยาศาสตร์
5.8 การวิจัยต้องมีการเก็บรวบรวมข้อมูลใหม่ หมายถึงในการทำวิจัยแต่ละครั้งจะต้องมีการเก็บข้อมูลใหม่ๆ
5.9 การวิจัยมีวิธีการที่หลากหลาย หมายถึง การวิจัยจะมีวิธีการในการดาเนินการวิจัยที่ให้ผู้วิจัยสามารถเลือกได้อย่างหลากหลาย
5.10 การวิจัยต้องใช้ศักยภาพของผู้วิจัย หมายถึง การวิจัยที่มีประสิทธิภาพจะต้องดาเนินการ โดยที่ผู้วิจัยที่มีความรู้ความสามารถ และมีประสบการณ์ในการวิจัยที่จะสามารถดำเนินการวิจัยตั้งแต่วิเคราะห์ปัญหา
2.1 เป้าหมายของการวิจัย คือ มุ่งหาคาตอบเพื่อนามาใช้แก้ปัญหา โดยศึกษาความสัมพันธ์ ระหว่างตัวแปรที่มีความเป็นเหตุและเป็นผลซึ่งกันและกันอย่างชัดเจน
2.2 การวิจัยเป็นการสรุปผล หลักเกณฑ์ และทฤษฏีที่ใช้ในการคาดคะเนเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หรือเป็นการศึกษาข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างเพื่อที่นำผลสรุปอ้างอิงไปสู่ประชากร
2.3 การวิจัยเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูล หรือปรากฏการณ์ที่สังเกตได้มาใช้ในการสรุปผล โดย ที่ปัญหาในบางปัญหาไม่สามารถทาการวิจัยได้เนื่องจากไม่สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลได้
ตัวอย่างนิยามของคำว่าวิจัย
การวิจัย เป็นการแก้ปัญหาที่ช่วยให้สามารถบรรลุเป้าหมายสุดท้าย ท่ีเป็นการค้น ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่าง ๆ อย่างมีเหตุผล
การวิจัย จะต้องกำหนดวัตถุประสงค์ โดยใช้เหตุผลตามหลักความเป็นจริงที่จะสามารถ ทดสอบได้และวิธีการที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ข้อสรุปท่ีเป็นจริง มีเหตุผล และจะต้องไม่มีอคติของผู้วิจัย
6.1จำแนกตามประโยชน์ที่ได้รับหรือเหตุผลในการวิจัย จำแนกอกเป็น 2 ลักษณะดังนี้
6.1.1 การวิจัยพื้นฐานหรือการวิจัยบริสุทธิ์(Basic Research or Pure Research) เป็น การวิจัยที่มีวัตถุประสงค์ในการแสวงหาความรู้ความจริงเชิงทฤษฎี/ปรากฏการณ์ ที่นำมาใช้ในการ สนับสนุน หรือขัดแย้งกับกฎเกณฑ์ หรือทฤษฎีท่ีมีอยู่ หรืออาจเป็นการค้นพบหลักเกณฑ์ องค์ความรู้ พื้นฐาน หรือทฤษฎีใหม่ๆ ที่สามารถใช้อธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง
6.1.2 การวิจัยการนำไปใช้(Applied Research) เป็นการวิจัยที่มีวัตถุประสงค์ใน การนำผลการวิจัยจากการวิจัยพื้นฐานมาใช้ประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ได้ในปัจจุบันตัดสินใจ หรือ แก้ปัญหาที่เกิดขึ้น และถ้าเป็นการวิจัยเพื่อใช้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะเรื่อง จะเรียกว่า การวิจัย เชิง ปฏิบัติการ(Action Research) อาทิ การวิจัยทางการแพทย์
6.2จำแนกตามลักษณะ(ความลึก/ความกว้าง)ของข้อมูล จำแนกออกเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้
6.2.1 การวิจัยเชิงปริมาณ(Quantitative Research) เป็นการวิจัยที่เก็บรวบรวมข้อมูล จากตัวแปรท่ีมีลักษณะเป็นตัวเลขที่ระบุระดับความมาก/น้อยของปรากฏการณ์ตามเกณฑ์ที่กาหนดให้ ค่อนข้างชัดเจนที่ทำให้ง่ายและสะดวกต่อผู้วิจัยในการนาผลมาวิเคราะห์เพื่อหาข้อสรุปที่สอดคล้อง กับจุดมุ่งหมายของการวิจัยค่อนข้างง่าย
6.2.2 การวิจัยเชิงคุณภาพ(Qualitative Research) เป็นการวิจัยที่เก็บรวบรวมข้อมูล จากตัวแปรที่มีลักษณะเป็นข้อความท่ีบรรยายลักษณะ เหตุการณ์หรืออธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นอย่างไรตามสภาพแวดล้อมทำให้มีการสรุปผลการวิจัยเชิงลึก
6.3 จาแนกตามระเบียบวิธีวิจัย(Methodology) จาแนกได้ 2 ลักษณะ
6.3.1การวิจัยเชิงประวัติศาสตร์(Historical Research) เป็นการวิจัยที่มีวัตถุประสงค์ใช้ข้อมูลที่เกิดขึ้นในอดีตที่มีหลักฐานปรากฏอยู่ อาทิ รูปภาพ สิ่งพิมพ์ บันทึกเหตุการณ์ เป็นต้น หรือข้อมูลจากการบอกเล่าของบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ เพื่อใช้ศึกษาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแล้วนำมาใช้กาหนดเป็นแนวทางในการปฏิบัติตามหรือใช้ปรับปรุง แก้ไขสถานการณ์
6.3.2 การวิจัยเชิงบรรยาย(Descriptive Research) เป็นการวิจัยที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้บรรยายคุณลักษณะ หรือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตามสภาพการณ์ธรรมชาติของปรากฏการณ์นั้นๆ
6.3.2.1 การวิจัยเชิงสำรวจ(Survey Research)
6.3.2.2 การศึกษาความสัมพันธ์ (Interrelationship Studies)
6.3.2.3 การศึกษาพัฒนาการ(Developmental Studies)
1)การศึกษาความเจริญงอกงาม(Growth Studies)
2) การศึกษาแนวโน้ม(Trend Studies)
6.4จำแนกตามลักษณะของวิชาหรือศาสตร์ จำแนกออกเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้
6.4.1 การวิจัยทางวิทยาศาสตร์(Scientific Research)
6.4.2 การวิจัยทางสังคมศาสตร์(Social Research)
6.5 จำแนกตามเวลาที่ใช้ในการทาวิจัย จาแนกออกเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้
6.5.1 การวิจัยแบบตัดขวาง/ระยะสั้น(Cross-section Research)
6.5.2 การวิจัยแบบต่อเนื่อง (Longitudinal Research) เป็นการวิจัยที่ใช้เวลาอย่าง ต่อเนื่องในการเก็บรวบรวมข้อมูล ทาให้ได้ผลสรุปของข้อมูลที่ชัดเจน ละเอียด และได้เห็นกระบวนการ การเปลี่ยนแปลงของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น
6.6 จำแนกประเภทการวิจัยตามเป้าหมายหลักของการวิจัย จำแนกเป็น 3 ลักษณะ
6.6.1 การวิจัยที่มุ่งบรรยายตัวแปร(Descriptive-Oriented Research) เป็นการวิจัยที่ มีจุดมุ่งหมายสาคัญเพื่อบรรยายลักษณะของตัวแปรในประชากร ที่อาจเป็นเฉพาะกรณี การสารวจ ปรากฏการณ์ในอดีต หรือปัจจุบัน หรือการเปรียบเทียบหรือประเมินความแตกต่างระหว่างประชากร
6.6.2 การวิจัยที่มุ่งอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร(Correlation-Oriented Research) เป็นการวิจัยเพื่อค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร 2 ตัวหรือมากกว่า การทำนายค่าของ ตัวแปรที่สนใจ การตรวจสอบกระบวนการและลำดับขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาของ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ
6.6.3 การวิจัยที่มุ่งแสวงหาความเป็นเหตุเป็นผลระหว่างตัวแปร(Causal-Oriented Research) เป็นการวิจัยที่แสวงหาความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่อาจจะเป็น การศึกษา ท่ีสืบหาสาเหตุย้อนหลังระหว่างตัวแปรภายใต้สภาวะธรรมชาติ การจัดกระทาเพื่อทดสอบ ความเป็นเหตุและผล
6.7 ประเภทของการวิจัยจาแนกตามการจัดกระทา จำแนกเป็น 3 ลักษณะ
6.7.1 การวิจัยแบบทดลองเบื้องต้น(Pre Experimental Research) เป็นการวิจัยที่ศึกษาปรากฏการณ์ที่เป็นธรรมชาติ โดยไม่ได้มีการจัดกระทำสิ่งทดลองให้ในการทดลองเนื่องจาก อาจจะมีปัญหาจริยธรรมในการวิจัย ได้แก่ การวิจัยสหสัมพันธ์
6.7.2 การวิจัยกึ่งทดลอง(Quasi Experimental Research) เป็นการวิจัยที่ไม่สามารถดำเนินการในกระบวนการวิจัยได้อย่างครบถ้วน อาทิ การสุ่มตัวอย่าง
6.7.3 การวิจัยแบบทดลองท่ีแท้จริง(True Experimental Research) เป็นการวิจัย ท่ีใช้ตรวจสอบความเป็นเหตุเป็นผลระหว่างตัวแปร โดยมีการจัดกระทำให้กับกลุ่มตัวอย่างหรือ การทดลองอย่างครบถ้วน มีการควบคุมตัวแปรอย่างเคร่งครัด และใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างท่ีปราศจากความ ลำเอียงหรือใช้แบบแผนการสุ่มที่สมบูรณ์ เป็นต้น