สังคมความรู้ Knoledge Society
3. ลักษณะสังคมแห่งการเรียนรู้
1 ไม่จำกัดขนาดและสถานที่ตั้ง
2 เน้นการจัดการเรียนรู้เป็นปัจจัยหลัก
3 ประชาชนได้รับโอกาสการพัฒนา (Key Individuals)
4 สถาบันทางสังคมในพื้นที่เป็นตัวหลักในการริเริ่ม/ด าเนินการ (Key Institutions)
5 มีกลุ่มภาคประชาชนเป็นแกนกลาง (Core Groups)
6 มีการพัฒนานวัตกรรมและระบบการเรียนรู้
7 มีภาคีเครือข่ายที่ร่วมดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
8 การริเริ่ม/การเปลี่ยนแปลงมีอยู่ตลอดเวลา
9 สถานศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนแห่งการเรียนรู้
10 ความรับผิดชอบเป็นหน้าที่ของบุคคลและชุมชนร่วมกัน
11 ทุกคนเป็นครูและผู้เรียน
1.นิยามหรือความหมายของสังคมความรู้(Definition of Knowledge Society)
สังคมความรู้ หมายถึง สังคมที่มีการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเครือข่ายสารสนเทศสูง จาก
ความรู้ที่มีบุคลากรท างานโดยใช้ทักษะและความรู้สูง
2. ยุคของสังคมความรู้(Knowledge Society Era)
2.1 สังคมความรู้ยุคที่ 1
1) Knowledge Access คือ การเข้าถึงความรู้ด้วยวิธีการต่างๆ c
2) Knowledge Validation คือ การประเมินความถูกต้องของความรู้
3) Knowledge Valuation คือ การตีค่า การตีความรู้
4) Knowledge Optimization คือ การท าความรู้ให้ง่ายที่จะใช้ การน าความรู้ออกมา
เป็นกฎเกณฑ์
5) Knowledge Dissemination คือ การกระจายความรู้ ปัจจุบันความรู้เป็นสมบัติ
สาธารณะที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
2.2 สังคมความรู้ยุคที่ 2
ลักษณะส าคัญของสังคมความรู้ยุคที่ 2
1) มีการสะสมความรู้ภายในสังคม
2) มีการถ่ายโอนความรู้ภายสังคม
3) มีการสร้างสรรค์ความรู้ใหม่ในสังคม
4) มีการประยุกต์ความรู้มาใช้ภายในสังคม
4. ความรู้ (Knowledge)
4.1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ “ความรู้” ข้อมูล สารสนเทศและความรู้ มีความหมายที่เกี่ยวข้องกันจนในบางครั้งไม่สามารถแยกออก จากกันได้
4.1.1 ความหมายของข้อมูล (Data) Ackoff (1989) กล่าวว่า ข้อมูล คือ สัญลักษณ์ที่ยังไม่ได้แปรความ ข้อมูลสามารถเเบ่งได้ 5 ประเภท
1) ข้อมูลตัวเลขหรือข้อมูลเชิงจำนวน (Numeric Data) เป็นข้อมูลตัวเลข
2) ข้อมูลตัวอักษรหรือข้อมูลที่เป็นข้อความ (Text Data)
3) ข้อมูลกราฟิก (Graphical Data) เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างภาพกราฟิก
4) ข้อมูลภาพลักษณ์ (Image Data) เป็นข้อมูลที่เกิดจากการถ่ายภาพกล้องดิจิตอล หรือ การสแกนเอกสารด้วยเครื่องสแกนเนอร์
5) ข้อมูลเสียง (Voice Data) คือ เสียงต่างๆ ได้แก่ เสียงสั่งงานคอมพิวเตอร์ หรือ เสียงพูด
4.1.2 ความหมายของสารสนเทศ (Information) สารสนเทศ มาจากภาษาอังกฤษคำว่า “Information” สมนึก เอื้อจิระพงษ์พันธ์ (2553) กล่าวว่า สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่มีคุณค่าและ คุณประโยชน์ ทั้งในเชิงจ านวนและคุณภาพ เช่น ข้อมูลความเป็นจริงในการปฏิบัติงาน เป็นต้น
4.2 ประเภทรูปแบบความรู้(Type of Knowledge) ประเภทของความรู้มีหลายลักษณะทั้งความรู้จากข้อเท็จจริง ความรู้จากประสบการณ์ ความรู้ที่ได้รับถ่ายทอดมาหรือความเชื่อ ความรู้ส่วนบุคคล (Individual knowledge) และความรู้ องค์กร (Organizational knowledge) จากลักษณะต่างๆ
ลักษณะของความรู้ เเบ่งได้เป็น 2 ประเภท
1) Tacit Knowledge ความรู้ที่ซ่อนอยู่ในแต่ละบุคคลหรือความรู้ที่ซ่อนเร้น เป็น ความรู้ที่ได้จากประสบการณ์
2) Explicit Knowledge ความรู้ที่เด่นชัดหรือความรู้ที่บันทึกไว้ เป็นความรู้ที่สามารถ รวบรวม ถ่ายทอดได้ โดยผ่านวิธีต่างๆ
ประเภทของความรู้ออกเป็น 4 ระดับ
1) ความรู้เกี่ยวกับสิ่งรอบตัวเรา
2) ความรู้ด้านภาษา ซึ่งจะทำให้อ่านและเขียนหนังสือได้ ฟังเข้าใจ ดูโทรทัศน์รู้เรื่อง
3) ความรู้ด้านวิชาการ เป็นความรู้ที่เกิดจากการศึกษาเล่าเรียน
4) ความรู้ใหม่ คือ ความรู้ที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นความรู้ที่เกิดจากการค้นคว้าวิจัย
5. กระบวนการจัดการความรู้(Processes of Knowledge) กระบวนการที่ช่วยให้เกิดการพัฒนาการของความรู้ หรือการจัดการกับความรู้ที่จะเกิดขึ้น ภายในองค์กร
1.การบ่งชี้ความรู้ เป็นการพิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้องค์กรบรรลุเป้าหมาย
2.การสร้างและแสวงหาความรู้ ซึ่งสามารถทำได้หลายทาง
3.การจัดความรู้ให้เป็นระบบ เป็นการวางโครงสร้างความรู้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเก็บ
4.การประมวลและกลั่นกรองความรู้
5.การเข้าถึงความรู้ เป็นการทำให้ผู้ใช้ความรู้เข้าถึงความรู้ที่ต้องการได้ง่ายและสะดวก
6.การจัดการความรู้ในองค์กรการแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ ทำได้หลายวิธีการ
Explicit Knowledge อาจจะจัดทำเป็นเอกสาร ฐานความรู้ และเทคโนโลยี สารสนเทศต่างๆ
Tacit Knowledge จัดทำเป็นระบบ ทีมข้ามสายงาน กิจกรรมกลุ่มคุณภาพ และนวัตกรรม
7.การเรียนรู้ ควรท าให้การเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของงาน