พฤติกรรมการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพของนักศึกษา มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์

ที่มาและความสำคัญ

การดำเนินชีวิตนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันพบว่าวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์เปลี่ยนไปอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นผลจากด้านสังคม ด้านเทคโนโลยีความทันสมัย หรือด้านเศรษฐกิจ มีผลทำให้พฤติกรรมการดูแลสุขภาพในปัจจุบันเปลี่ยนไป การออกกำลังกายทำให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานต่อโรคภัยต่างๆ เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าไม่ว่าจะเกิดโรคภัย หากมีภูมิต้านทานที่ดีจากสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์ก็จะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อตนเองมากกว่าผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกาย
จากการสำรวจของกระทรวงสาธารณสุข รายงานอัตราการตายของประชากรไทยในปี2558 5 อันดับแรกจำแนกตามสาเหตุ ได้แก่
1. มะเร็งทุกชนิด
2. โรคหลอดเลือดในสมอง
3. ปอดอักเสบ
4. โรคหัวใจขาดเลือด
5. อุบัติเหตุจากการคมนาคมทางบก
ด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถสรุปได้ว่าพฤติกรรมการออกกำลังกายเพื่อให้มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์ เป็นการป้องกันการก่อให้เกิดโรคที่ก่อให้เกิดการเสียชีวิตซึ่งเป็นสาเหตุอันดับต้นๆของประเทศไทยได้
ดังนั้น คณะผู้วิจัยจึงสนใจศึกษาพฤติกรรมการออกกำลังกาย เพื่อนำผลวิจัยมาใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริม สร้างแรงจูงใจในการดูแลสุขภาพด้านการออกกำลังกายของนักศึกษาชั้นปีที่1 ของสำนักวิชาสหเวชศาสตร์ สาขาเทคนิคการแพทย์(หลักสูตรปกติ) มหาวิทายาลัยวลัยลักษณ์ ให้มีสุขภาพดีสนองต่อนโยบายเมืองไทยสุขภาพดี รวมถึงสนองต่อแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติอีกด้วย

วัตถุประสงค์ของการวิจัย

เพื่อศึกษาพฤติกรรมการออกกำลังกายของนักศึกษาชั้นปีที่1 สำนักวิชาสหเวชศาสตร์ สาขาเทคนิคการแพทย์(หลักสูตรปกติ) มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์

เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการออกกำลังกายของนักศึกษาชั้นปีที่1 สหลำนักวิชาสหเวชศาสตร์ สาขาเทคนิคการแพทย์(หลักสูตรปกติ) มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์

เพื่อส่งเสริมและผลักดันความรู้เกี่ยวกับการออกกำลังกายของนักศึกษาชั้นปีที่1 สำนักวิชาสหเวชศาสตร์ สาขาเทคนิคการแพทย์(หลักสูตรปกติ) มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์

สมมติฐานและกรอบแนวคิดในการวิจัย

นักศึกษาเทคนิคการแพทย์ (หลักสูตรปกติ) ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ที่มีโรคประจำตัวแตกต่างกัน มีพฤติกรรมการออกกำลังกายที่แตกต่างกัน

นักศึกษาเทคนิคการแพทย์ (หลักสูตรปกติ) ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ที่มีรายได้แตกต่างกัน มีพฤติกรรมการออกกำลังกายที่แตกต่างกัน

นักศึกษาเทคนิคการแพทย์ (หลักสูตรปกติ) ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ที่มีเพศแตกต่างกัน มีพฤติกรรมการออกกำลังกายที่แตกต่างกัน

นักศึกษาเทคนิคการแพทย์ (หลักสูตรปกติ) ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ที่มีภูมิลำเนาแตกต่างกัน มีพฤติกรรมการออกกำลังกายที่แตกต่างกัน

นิยามศัพท์เฉพาะ

พฤติกรรม หมายถึง การกระทำทุกสิ่งทุกอย่างของแต่ละบุคคลที่แสดงออกมาเพื่อตอบสนองต่อสิ่งเร้า เป็นการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องเป็นประจำสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงกลายเป็นสุขนิสัยติดตัวไปได้ โดยจะแสดงพฤติกรรมออกมาด้วยการกระทำที่สังเกตเห็นได้และไม่สามารถสังเกตได้การออกกำลังกาย หมายถึง การประกอบกิจกรรมทางกาย โดยที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้มีการเคลื่อนไหว ทำให้ส่งผลดีต่อสุขภาพอนามัยแก่ผู้เข้าร่วมและสร้างความสนุกสนานแก่ผู้ที่ออกกำลังกายนั้น ๆ

พฤติกรรมการออกกำลังกาย หมายถึง การปฏิบัติหรือการกระทำที่เกี่ยวกับการออกกำลังกายของนักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ซึ่งแสดงออกในเรื่องความรู้ เจตคติ และการปฏิบัติ

ความรู้เกี่ยวกับการออกกำลังกาย หมายถึง ความสามารถในการอธิบาย และความเข้าใจของนิสิตเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการออกกำลังกาย ซึ่งสามารถวัดได้โดยแบบทดสอบที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

ทำให้ทราบถึงพฤติกรรมการออกกำลังกายที่มีผลต่อสุขภาพของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 สำนักวิชาสหเวชศาสตร์ สาขาเทคนิคการแพทย์ (หลักสูตรปกติ) มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์

ทำให้ทราบถึงปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการออกกำลังกายของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 สำนักวิชาสหเวชศาสตร์ สาขาเทคนิคการแพทย์ (หลักสูตรปกติ) มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์

ทำให้ทราบถึงความต้องการในเรื่องการออกกำลังกายและสามารถนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ในทุก ๆ ด้านเพื่อตอบสนองความต้องการในการออกกำลังกาย

เพื่อใช้เป็นแนวทางในการวางแผนการดำเนินงานด้านการส่งเสริมสุขภาพ รณรงค์ให้มีการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์

คำถามวิจัย

1. นักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์มีความสนใจในการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพมากน้อยเพียงใด

2. รูปแบบการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพของนักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์เป็นแบบใด

3. ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้นักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์มีความสนใจในการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ

ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

ความหมายของพฤติกรรม
ตามความหมายของพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตตวสถาน (2539 : 373) หมายถึง การกระทำทั้งด้านกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม หรือการแสดงออกทางกล้ามเนื้อ ความคิด และความรู้สึกเพื่อตอบสนองต่อสื่งเร้า
พฤติกรรม หมายถึง กิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นซึ่งอาจเป็นการกระทำที่บุคคลนั้นแสดงออกมา อาจสังเกตได้ด้วยประสาทสัมผัสหรือไม่สามารถสังเกตได้ หรือเป็นปฏิกิริยาของสิ่งมีชีวิตต่อสิ่งเร้าที่อาจปรากฎให้เห็นได้ หรืออาจอยู่ภายใน แต่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการแสดงออก ซึ่งพฤติกรรมในเรื่องนี้จะเน้นเฉพาะพฤติกรรมของมนุษย์ ดังนั้นพฤติกรรมของมนุษย์ จึงหมายถึง ปฏิกิริยาของบุคคลที่สังเกตได้หรือไม่ได้ เช่น การพูด การเดิน การแสดง สีหน้า ความรู้สึก ความรู้ ความตั้งใจ เป็นต้น (นิตยา เพ็ญศิรินภา, 2544 : 60)

ความหมายของการออกกำลังกาย
สุชาติ โสมประยูร (2528 : 121) ได้กล่าวไว้ว่า การออกกำลังกาย คือ กิจกรรมทางร่างกายในทุกลักษณะ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬาหรือทำงานใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่สมัครใจหรือไม่เต็มใจ และไม่ว่ากิจกรรมนั้นๆจะเป็นอาชีพหรือสมัครเล่น การที่ร่างกายเกิดการเคลื่อนไหว โดยจะออกแรงเพียงเล็กน้อยหรือมากเพียงใด หรือบางครั้งอาจจะอยู่กับที่กผ้ตาม ซึ่งเป็นผลทำให้หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติก็จัดได้ว่าเป็นการออกกำลังกายทั้งสิ้น
เฉก ธนะสิริ และคณะ (2540 : 140) ให้ความหมายไว้ว่า การออกกำลังกาย หมายถึง การใช้กล้ามเนื้อและอวัยวะอื่น ๆ ของร่างกายทำงานมากกว่าการเคลื่อนไหวหรืออิริยาบถต่าง ๆ ตามปกติในชีวิตประจำวัน การออกกำลังกายที่ดีและถูกต้อง ควรปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอตามความเหมาะสมของอายุ เพศ และสภาวะร่างกาย

หลักการออกกำลังกาย
การกีฬาแห่งประเทศไทย (2557 : 3) ได้เสนอแนวปฏิบัติในการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพไว้ 10 ประการ ดังนี้
1. การประมาณตน ควรออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสภาพของร่างกายแต่ละคนเพราะแม้ในคนเดียวกันในเวลาหนึ่งก็แตกต่างกันได้
2. การแต่งกาย ต้องเหมาะสมกับประเภทและชนิดของกีฬาและสภาพภูมิอากาศ
3. เลือกเวลา ดิน ฟ้า อากาศ ควรกำหนดเวลาการออกกำลังกายให้แน่นอนและควรเป็นเวลาเดียวกันในทุกครั้ง
4. สภาพของกระเพาะอาหาร มีหลักทั่วไปว่าควรงดอาหารหนักก่อนออกกำลังกลาย 3 ชั่วโมง
5. การดื่มน้ำ สมรรถภาพทางกายจะบดต่ำลงเพราะร่างกายขาดน้ำ ร่างกายจะต้องมีปริมาณสำรองประมาณ 2% ของน้ำหนักตัว
6. ความเจ็บป่วย ความเจ็บป่วยทุกชนิดทำให้สมรรถภภาพลดลงและถ้าร่างกายต้องการพักผ่อนอยู่ แล้วหากออกกำลังกายเข้าอาจเกิดอันตรรยแก่ร่างกายได้
7. ความเจ็บป่วยระหว่างออกกำลังกาย หากมีการเจ็บป่วยเกิดขึ้นระหว่างการออกกำลังกายควรหยุดพักผ่อน
8. ด้านจิตใจ ต้องทำจิตใจให้ปลอดโปร่งขณะออกกำลังกาย
9. ความสม่ำเสมอ ผลเพิ่มสมรรถภาพต่าง ๆ นอกากจะขึ้นอยผู่กับปริมาณความหนักเบาของการฝึกซ้อมและการออกกำลังกายในครั้งต่อไป ยังขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอด้วย
10. การพักผ่อน หลังออกกำลังกายจำเป็นต้องพักผ่อน

ประโยชน์ของการออกกำลังกาย
ศิริรัตน์ กิรัญรัตน์ (2534 : 3¥ ได้กล่าวถึงประโยชน์ของการออกกำลังกายไว้ 5 ประการ ดังนี้
1. ทางด้านร่างกาย อวัยวะในระบบต่าง ๆ ของร่างกาย สามารถทำงานประสานงานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นผลทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง
2. ทางด้านจิตใจ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากจะทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงแล้วจิตใจยังร่าเริงเบิกบาน ก็จะเกิดควบคู่กันมาเนื่องจากร่างกายปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
3. ทางด้านอารมณ์ การมีอารมณ์เยือกเย็นจะสามารถทำงานหรือออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี
4. ทางด้านสติปัญญา การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ปลอดโปร่ง มีไหวพริบ มีความคิดสร้างรรค์
5. ทางด้านสังคม สามารถปรับตัวเข้ากับผู้ร่วมงานและผู้อื่นได้ มีความเป็นผู้นำ มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี และสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุข

ขอบเขตการวิจัย

การศึกษาพฤติกรรมการออกกำลังกายของนักศึกษาสันักวิชาสหเวชศาสตร์ สาขาเทคนิคการแพทย์ (หลักสูตรปกติ) ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาโดยใช้แบบสอบถามเก็บข้อมูล คณะผู้วิจัยกำหนดขอบเขตของการศึกษา ดังต่อไปนี้
1. ประชากร
ประชากรที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้ เป็นกลุ่มของนักศึกษาสำนักวิขาสหเวชศาสตร์ สาขาเทคนิคการแพทย์ (หลักสูตรปกติ) ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จำนวน164 คน โดยจำแนกตามเพศ ได้แก่ เพศชาย 26 คน และเพศหญิง 138 คน
2. ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษา
การศึกษาพฤติกรรมการออกกำลังกายของนักศึกษาสำนักวิชาสหเวชศาสตร์ สาขาเทคนิคการแพทย์ (หลักสูตรปกติ) ชั้นปีที่ 1 ใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 จนถึง 26 เมษายน 2564

ระเบียบวิธีวิจัย

ประเภทของการวิจัย
การวิจัยในครั้งนี้ใช้ระเบียบวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive Research) และระเบียบวิจัยเชิงสำรวจโดยให้ปู้ตอบกรอกคำตอบเองในแบบสอบถาม (questionnaire) ผ่าน Google form

กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาสำนักวิชาสหเวชศาสตร์ สาขาเทคนิคการแพทย์ (หลักสูตรปกติ) มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ชั้นปีที่ 1 จำนวน 164 คน

งบประมาณ
งบประมาณที่ใช้ทั้งหมด คือ 5,000 บาท โดยแบ่งออกเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังนี้
ค่าจ้างพิมพ์แบบสอบถามและรายงรนวิจัยฉบับสมบูรณ์ งบประมาณ 4,000 บาท
ค่าถ่ายเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง งบประมาณ 500 บาท
ค่าถ่ายเอกสารเครื่องมือในการวิจับ งบประมาณ 500 บาท (แบบสอบถาม 300 บาท และแบบบันทึกข้อมูล 200 บาท)