โรคไข้เลือดออก

การวินิจฉัยโรค

ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC)เพื่อหาความผิดปกติของส่วนประกอบทั้งหมดของเลือด

เม็ดเลือดแดง

เม็ดเลือดขาว

เกล็ดเลือด

ความเข้มข้นของเลือด

ตรวจภูมิคุ้มกันต่อไข้เลือดออก (IgM) หรือตรวจ NS1 Ag ต่อเชื้อโดยตรง

ผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน

เด็กทารกและผู้สูงอายุ

หญิงตั้งครรภ์

ผู้ที่มีแผลในกระเพาะอาหาร

ผู้หญิงที่อยู่ระหว่างมีประจำเดือนหรือมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด

ผู้ที่มีโรคเม็ดเลือดแดงแตกง่าย หรือโรคที่เกิดจากฮีโมโกลบินผิดปกติ

ผู้ป่วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง

ผู้ที่รับประทานยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroid)

การป้องกัน

ป้องกันไม่ให้ยุงลายกัด

โดยสวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิด

ใช้สารไล่ยุงชนิดต่างๆ

DEET

ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายบริเวณบ้านและใกล้เคียง

ปิดฝาภาชนะที่มีน้ำขังไม่ให้ยุงเข้าไปวางไข่ได้

เปลี่ยนน้ำในภาชนะที่ปิดไม่ได้

ฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกจากสายพันธุ์อื่น ในกรณีที่เคยเป็นไข้หวัดมาแล้ว

สาเหตุ

เชื้อไวรัสเดงกี 4 สายพันธ์ุ

DENV-1

DENV-2

DENV-3

DENV-4

การแพร่ระบาด

ยุงลายตัวเมียเป็นพาหะนำโรค เมื่อยุงลายดูดเลือดผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสเดงกี เชื้อจะเข้าไปฝังตัวภายในกระเพาะและต่อมน้ำลายของยุงโดยมีระยะฟักตัวประมาณ 8-12 วัน เมื่อยุงที่มีเชื้อไวรัสไปกัดคนอื่นๆ ต่อ เชื้อไวรัสก็จะเข้าสู่กระแสเลือดของผู้ที่โดนกัด ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกตามมา

อาการ

มีไข้สูงเฉียบพลันเกิน 38 องศาเซลเซียสประมาณ 2-7 วัน

คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร

หน้าแดง อาจพบจ้ำเลือดหรือจุดเลือดออกสีแดงเล็กๆ ตามผิวหนัง หรือมีเลือดออกบริเวณอื่น เช่น เลือดกำเดาไหล

ปวดท้องอย่างรุนแรง กดเจ็บชายโครงด้านขวา

การรักษาอาการเบื้องต้น

ควรดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำเกลือแร่เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ

เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นเพื่อลดไข้เป็นระยะๆ

รับประทานอาหารอ่อน

งดอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีสีคล้ายเลือดเพื่อไม่ให้การวินิจฉัยคลาดเคลื่อน

รับประทานยาลดไข้

ยาพาราเซทตามอลได้แต่ในปริมาณที่แพทย์สั่งเท่านั้น

ห้ามรับประทานยาแอสไพรินและยากลุ่ม NSAID เด็ดขาดเพราะอาจทำให้เลือดออกง่ายและมากขึ้น