การศึกษาทักษะการเสริฟหลังมือกีฬาแบดมินตันวิชาพลศึกษา
ขอบเขตการวิจัย
ในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ใช้ประชากรเป็นนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปี
ที่ 1สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ห้อง 1/7 จ านวน 46คน วิทยาลัยเทคโนโลยีอรรถวิทย์พณิชยการแขวงบางนา เขตบางนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร ปีการศึกษา 2561
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
ความเปลี่ยนแปลงและความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีสมัยใหม่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนในสังคมต้องปรับปรุงและพัฒนาตนเองให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางการศึกษาต้องปรับปรุงเพื่อให้คนมีความรู้ความสามารถให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นด้วยเหตุนี้การศึกษาจึงได้พยายามปรับปรุงหลักสูตรในระดับต่างๆให้ได้มาตรฐานเพื่อเป็นหลักในการนำไปใช้แก้ปัญหาและให้สอดคล้องกับการพัฒนาทักษะของผู้เรียนซึ่งวิชาพลศึกษาเพื่อพัฒนาสุขภาพเป็นวิชาหนึ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นสำหรับมนุษย์มากโดยเฉพาะในส่วนที่จะนำไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินชีวิตเพราะวิชาพลศึกษาเพื่อพัฒนาสุขภาพ เป็นวิชาที่สร้างสรรค์จิตใจของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับความคิดตลอดจนกระบวนการทางร่างกาย ตลอดจนช่วยให้ผู้เรียนมี
ความเจริญงอกงามทั้งสติปัญญาอารมณ์และทางสังคม อย่างไรก็ตามองค์ประกอบหนึ่งที่นับว่าสำคัญคือเรื่องทักษะการเล่นกีฬาของกีฬาประเภทนั้นๆ ถ้าผู้เรียนเรามีทักษะที่ดีหรือมีความเชี่ยวชาญ มีความชำนาญ ก็จะทำให้การฝึกและเล่นกีฬาออกมาดีมีประสิทธิภาพ
หลักในการฝึก
1. ในการฝึกทักษะควรทำหลังจากนักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ แล้ว
2. ฝึกทักษะตามความต้องการของผู้เรียน ให้ผู้เรียนที่เห็นคุณค่าและประโยชน์ในการฝึก
3. การฝึกควรให้เหมาะสมกับความสามารถของผู้เรียนแต่ละคน ดังนั้น นักเรียนทุกคนไม่
จำเป็นต้องได้รับการฝึกแบบเดียว
4. การทำแบบฝึกนั้น ควรจะฝึกเฉพาะเรื่องและให้จบเรื่องนั้น ๆ ก่อนจึงจะฝึกเรื่องต่อไป
5. ในการฝึกไม่ควรให้ซ้ำซากจนน่าเบื่อ ควรจะฝึกเพื่อให้เกิดทักษะหรือความชำนาญใช้เวลาในการฝึกทักษะพอสมควร ไม่มากหรือน้อยเกินไป ฝึกทักษะเฉพาะเรื่องที่เป็นประโยชน์จริง ๆควรใช้กิจกรรมหลาย ๆ แบบและฝึกหลายๆครั้งในแต่ละทักษะ
6. การฝึกให้ได้ผลดีต้องเป็นรายบุคคล
7. แบบฝึกควรมีมาตรฐานจัดให้เหมาะสมมีคำตอบที่ถูกต้องให้คำตอบกับผู้เรียนได้
ตรวจสอบควรจะได้คะแนนในการทำแบบฝึกหัดแต่ละครั้งเพื่อวัดความก้าวหน้า
ข้อเสนอแนะจากการวิจัย
ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้
1. ขณะที่ทำการทดสอบอาจารย์ประจำวิชาควรให้คำแนะน า อย่างถูกต้องและเอาใจใส่กับนักศึกษาให้มาก
เกณฑ์การทดสอบจำนวนนักศึกษาค่าเฉลี่ย(ร้อยละ)
ผ่าน ไม่ผ่าน ผ่าน ไม่ผ่าน
ครั้งที่ 1ก่อนเรียน 30 16 65.22 34.78
ครั้งที่ 2 หลังเรียน 40 6 86.96 13.0424
ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป
1. เกณฑ์และแบบทดสอบที่ใช้ควรผ่านการทดสอบหลายๆครั้งเพื่อนำมาแก้ไขต่อไป
2. ควรมีการวิจัยโดยใช้สื่อประเภทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเล่นแบดมินตัน เช่น ใช้สื่อ
โมเดลจำลองหรือสื่อวีดีทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับ ลักษณะการเล่นแบดมินตัน
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1. เพื่อศึกษาการพัฒนาทักษะของกีฬาแบดมินตัน(การเล่นลูกมือบน)
2. เพื่อพัฒนาบุคลิกท่าทางการเล่นกีฬาแบตมินตันของนักศึกษา
3. เพื่อศึกษาผลการใช้กิจกรรมการพัฒนาทักษะการเสริฟหลังมือกีฬาแบดมินตัน
ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน
การเล่นเเบดมินตันสามารถลดโอกาสการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ถึง 58% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการใช้ยา ลดการผลิตน้ำตาลโดยรวมของตับ รวมทั้งลดความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานของร่างกาย โดยรวมแล้ว ผู้ที่เล่นเเบดมินตันเป็นประจำนั้นเสี่ยงเป็นเบาหวานน้อยกว่าคนทั่วไป
เข้าสังคม
การเล่นเเบดมินตันยังทำให้คุณได้พบเจอสังคมใหม่ ๆ เพราะเเบดมินตันนั้นต้องเล่นเป็นคู่อย่างน้อยสองคนเสมอ จึงช่วยพัฒนาทักษะการเข้าสังคมเเละขยายเเวดวงคนรู้จักให้กว้างกว่าเดิม
สมมติฐานในการวิจัย
ความสามารถในการเสิร์ฟลูกแบดมินตันของกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลองดีขึ้นกว่าเดิม แต่ทั้ง 2 กลุ่มภายหลังการฝึกไม่แตกต่างกัน
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.ทราบว่านักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจการ
พัฒนาทักษะของแบดมินตัน(การเล่นลูกหลังมือ) เป็นอย่างไร
2.บุคลิกท่าทางการเล่นกีฬาแบดมินตันในการเสริฟแบดมินตันของนักศึกษาระดับ
ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
3. ทราบผลการใช้กิจกรรมการพัฒนาทักษะการเล่นกีฬาแบดมินตันของนักศึกษาระดับ
ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ