ลักษณะเด่นของภาษาไทย
เป็นคำโดด
มีคำใช้โดยอิสระ ไม่ต้องเปลี่ยนรูป
สะกดตามมาตราตัวสะกดทั้ง 8 มาตรา
มาตราแม่ กก
พยัญชนะที่เป็นตัวสะกดในมาตราตัวสะกดแม่กก คือ อ่านออกเสียง ก
มาตราแม่ กด
พยัญชนะที่เป็นตัวสะกดในมาตราตัวสะกดแม่กด คือ อ่านออกเสียง ด
มาตราแม่ กบ
พยัญชนะที่เป็นตัวสะกดในมาตราตัวสะกดแม่กบ คือ อ่านออกเสียง บ
มาตราแม่ กง
พยัญชนะที่เป็นตัวสะกดในมาตราตัวสะกดแม่ กง คือ อ่านอย่างเสียง ง
มาตราแม่ กน
พยัญชนะที่เป็นตัวสะกดในมาตราตัวสะกดแม่กน คือ อ่านออกเสียง น
มาตราแม่ กม
พยัญชนะที่เป็นตัวสะกดในมาตราตัวสะกดแม่ กม คือ อ่านออกเสียง ม
มาตราแม่ เกย
พยัญชนะที่เป็นตัวสะกดในมาตราตัวสะกดแม่เกย คือ อ่านออกเสียง ย
มาตราแม่ เกอว
พยัญชนะที่เป็นตัวสะกดในมาตราตัวสะกดแม่เกอว คือ อ่านออกเสียง ว
การเรียงคำในประโยค
ภาษาไทยเรียงเป็นประโยคแบบ ประธาน + กริยา + กรรม
ภาษาไทยมีการแบ่งวรรคตอนเป็นจังหวะ
ส่วนการพูดภาษาไทยก็จำเป็นต้องเว้นจังหวะให้ถูกต้อง เพื่อความชัดเจนของข้อความ
ภาษาไทยมีคำเลือกใช้ตามกาลเทศะ
การเลือกใช้คำให้ถูกต้องเหมาะสมกับบุคคล และ ให้เหมาะสมกับอายุ
๑.ภาษาระดับพิธีการ
๒.ภาษาระดับทางการ
๓.ภาษาระดับกึ่งทางการ
๔.การใช้ภาษาระดับไม่เป็นทางการ
๕.ภาษาระดับกันเอง
คำไทยแท้ มีพยางค์เดียว
เป็นคำที่มีความหมายสมบูรณ์ในตัว เข้าใจได้ทันที
เสียงวรรณยุกต์
ทำให้ระดับเสียงต่างกัน มีคำใช้กันมากขึ้น เกิดความไพเราะดังเสียง ดนตรีและสามารถเลียนเสียงธรรมชาติได้อย่างไกล้เคียง
1.เสียงสามัญ อยู่ในระดับเสียงกึ่งสูง-กลาง เช่น กา คาง
2. เสียงเอก อยู่ในระดับเสียงกึ่งต่ำ-ต่ำ เช่น ก่า ข่า ปาก หมึก
3. เสียงโท อยู่ในระดับเสียงสูง-ต่ำ เช่น ก้า ข้า มาก
4. เสียงตรี อยู่ในระดับเสียงกึ่งสูง-สูง เช่น ก๊า ค้า ชัก
5. เสียงจัตวา อยู่ในระดับเสียงกึ่งต่ำ-ต่ำ-กึ่งสูง เช่น ก๋า ขา
การสร้างคำ
มีการยืมคำภาษาต่างประเทศมาใช้และมีการสร้างคำใหม่
ซ้ำคำ
ซ้อนคำ
การสมาส-สนธิ
มีลักษณะนาม
ก. คำลักษณะนามจะอยู่ข้างหลังคำวิเศษณ์บอกจำนวนนับ เช่น ฉันรักแมวทั้ง 10 ตัว เข้าได้รับบ้าน 1 หลัง ที่ดิน 2 แปลงเป็นมรดก *ถ้าใช้คำว่า "เดียว" เป็นจำนวนนับ คำลักษณะนามจะอยู่หน้าคำว่าเดียว เช่น ขวดเดียวก็เกินพอ
ข. คำลักษณะนามตามหลังคำนามเพื่อลักษณะของนามนั้น เช่น ปลาตัวใหญ่นี้แพงมาก, ที่ดินแปลงนี้สวยจริง ๆ ,เทียนเล่มแดงหายไปไหน