Foundation of Research (ความรู้พื้นฐานของการวิจัย)
แนวคิดพื้นฐานของการวิจัย
1.Deterministic Law of Nature
ปรากฏการณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นจะสามารถแสวงหาสาเหตุที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์นั้นได้เสมอ ๆ
2. Systematic Law of Nature
ปรากฏการณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นตามกฎของเหตุและผลของธรรมชาติจะมีรูปแบบของความสัมพันธ์ของตัวแปรที่ค่อนข้างจะชัดเจน
3. Associative Law of Nature
การเกิดปรากฏการณ์ใด ๆ ที่แตกต่างกันนั้น จะมีความมากน้อยของตัวแปรที่เป็นสาเหตุและตัวแปรผลที่แตกต่างกัน
4. Principle Component of Nature
ตัวแปรสาเหตุและตัวแปรผลที่เกิดขึ้นนั้น ๆ ไม่ได้เป็นความสัมพันธ์เชิงเดี่ยว แต่จะมีตัวแปรอื่นๆ ที่มักจะมาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ
5. Probabilistic Law of Nature
ปรากฏการณ์ใด ๆ นั้น ความรู้ความจริงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ จะเป็นผลลัพธ์ของปรากฏการณ์ ที่มีความน่าจะเป็นในการเกิดขึ้นที่ค่อนข้างสูง
ขั้นตอนในการวิจัย
1. เลือกหัวข้อปัญหา
2 การกำหนดขอบเขตของปัญหา
3 การศึกษาเอกสารและผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
4. การกำหนดสมมุติฐาน
5. การเขียนเค้าโครงการวิจัย
6. การสร้างเครื่องมือรวบรวมข้อมูล
7. ขั้นดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล
Meaning of Research
(ความหมายของการวิจัย)
การศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์หรือทดลองอย่างมีระบบ โดยใช้อุปกรณ์หรือ
วิธีการ เพื่อค้นหาข้อเท็จจริง หรือค้นหาหลักการส าหรับน าไปใช้ตั้งกฎ ทฤษฏี หรือแนวทางปฏิบัติ
ประเภทของการวิจัย
1. จำแนกตามประโยชน์ที่ได้รับหรือเหตุผลในการวิจัย
Basic Research or Pure Research
การวิจัยพื้นฐานหรือการวิจัยบริสุทธิ
Applied Research
การวิจัยการนำไปใช้
2. จำแนกตามลักษณะ
Quantitative Research
การวิจัยเชิงปริมาณ
Qualitative Research
การวิจัยเชิงคุณภาพ
3.จำแนกตามระเบียบวิธีวิจัย
Historical Research
การวิจัยเชิงประวัติศาสตร์
Survey Research
Descriptive Research
Interrelationship Studies
Developmental Studies
ตัวแปรและสมมติฐาน
variables (ตัวแปร)
คุณสมบัติหรือคุณลักษณะ หรือปรากฏการณ์ของสิ่งต่าง ๆ ที่
ผู้วิจัยต้องการจะศึกษาหาความจริง
hypothesis (สมมติฐาน)
คำตอบที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าอย่างสมเหตุสมผลต่อปัญหาที่ศึกษา หรือการเดาที่ใช้หลักเหตุผลใช้ปัญญา