Introduction to immunology
ประวัติ
คำว่า immunitas และ immunis ในภาษาละติน แปลว่า การยกเว้น
Thucydides ค้นพบว่าคนที่หายจากโรคที่เกิดจากพลาคจะไม่เป็นโคนั้นอีก
แพทย์ชาวจีนค้นพบวิธี Variolation ในปี 1718
แพทย์ชาวอังกฤษ เอดเวิร์ด เจนเนอร์ ค้นพบ การปลูกฝี(Vaccination) ในปี 1978
องค์ประกอบของระบบภูมิคุ้มกัน
ด่านป้องกัน Barrier
เซลล์ Immune cells
สารน้ำ Humoral substance
เนื้อเยื่อ Lymphoid tissue
อวัยวะ Organs
หน้าที่ของระบบภูมิคุ้มกัน
ป้องกันร่างกายจากสิ่งแปลกปลอม Defense
ตรวจตราเซลล์ที่ผิดปกติในร่างกาย Surveillance
ทำลายเซลล์ที่หมดอายุหรือเสื่อมสภาพ Homeostasis
Adaptive Immunity
ประกอบด้วย T และ B Lymphocytes และสารน้ำ
ไม่ทำปฏิกิริยากับแอนติเจนของตัวเอง
มีความจำเพาะและมีการจดจำ
มีความหลากหลายและมีการปรับเปลี่ยนการตอบสนองไปตามชนิดของแอนติเจน
วิวัฒนาการของระบบภูมิคุ้มกัน
ในสัตว์ต้นสายวิวัฒนาการ สามารถแยกสิ่งแปลกปลอมได้แต่ความหลากหลายและความซับซ้อนจะน้อยกว่าสัตว์ที่มีวิวัฒนาการสูง
ในสัตว์ที่วิวัฒนาการสูงขึ้นจะพบว่ามีต่อมไทมัสและม้าม และพบการสร้างแอนติบอดี้
ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจะมีการสร้างอวัยวะในระบบภูมิคุ้มกันขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ที่4หลังปฏิสนธิ
ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจะมีการสร้างแอนติเจนขึ้นภายในเดือนที่5 แต่จะไม่ตอบสนองต่อแอนติเจนภายนอก
การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
แยกว่าอันไหนเป็นสิ่งแปลกปลอมและอันไหนเป็นของร่างกาย Safe and Non-Safe discrimination
Innate และ Adaptive ทำงานร่วมกันไม่สามารถแยกออกจากกันได้
ระบบภูมิคุ้มกันทั้งสองต้องอาศัยรีเซฟเตอร์
TและB cell receptor แต่ละสายโปรตีนประกอบด้วยกรดอะมิโนที่ต่างกัน
BและT Lymphocyte จะมี BCR หรือ TCR อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นเรียกว่าโคลน
Innate immunity
เป็นด่านแรกที่ต่อต้านจุลชีพและสิ่งแปลก
มีBarrierทั้งทางกายภาพ ชีวภาพ เคมีผิวหนัง เยื่อบุต่างๆและสารน้ำ
มี Phagocytic cells และ NK cells ทำหน้าที่ทำลายสิ่งแปลกปลอม