Reference and Bibliography ( เอกสารอ้างอิงและบรรณานุกรม )

ความหมาย การบอกแหล่งที่มาของข้อมูลที่ผู้เขียนนำมาใช้
อ้างอิงในการเขียนผลงาน

อ้างอิงในส่วนเนื้อเรื่อง

อ้างเอกสารส่วนท้ายเรื่องหรือท้ายรายงาน

รายชื่อเอกสารที่ผู้เขียนใช้ศึกษาค้นคว้าในการ เรียบเรียงรายงานเรื่องนั้นๆ และเป็นเอกสารที่ได้ เขียนรายการอ้างอิงไว้ในส่วนเนื้อเรื่องเท่านั้น

ใช้คำว่าและ หรือ and เชื่อม

ดิชิตชัย เมตตาริกานนท์และ ศิวนาถนันทพิชัย

Geoffrey, Beale and Meigs, Robert F.

ระบุชื่อคนแรกไปจนถึงคนที่5
จึงเชื่อมด้วยคำว่า และ

ระบุชื่อคนที่1-6 จากนั้นให้ใช้คำว่า
และคณะ หรือ และคนอื่นๆ
(ภาษาอังกฤษ and others)

-ถ้าทราบชื่อจริงให้วงเล็บต่อท้าย
-ถ้าไม่ทราบให้วงเล็บไว้ว่านามแฝง

การลอกงานเขียน ความคิดหรืองาน สร้างสรรค์ดั้งเดิม ทั้งหมดหรือบางส่วนที่เหมือนหรือเกือบเหมือนงาน ดั้งเดิมของผู้อื่นมาแอบอ้างเป็นงานดั้งเดิมของตนเอง

ความไม่สุจริตทางวิชาการ(Academic Dishonesty) หรือ
การฉ้อฉลทางวิชาการ(Academic Fraud) และผู้ที่กระทำผิดจะต้องถูกตำหนิทางวิชาการ(Academic Censuses)

ให้ระบุเฉพาะตัวเลขไว้ในเครื่องหมาย( ) เสมอ
(2541).

ถ้าไม่ปรากฏปี พิมพ์ให้ใส่.ป.ป. หมายถึงไม่ปรากฏปี พิมพ์หรือn.d.
หมายถึงno date แทน โดยใส่ไว้ในเครื่องหมายวงเล็บ[] [ม.ป.ป.]. [n.d.].

ชื่อเรื่องมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้ใส่เฉพาะภาษาไทย

ชื่อหนังสือที่เขียนเป็นภาษาไทยแต่ชื่อเรื่องเป็ นภาษาอังกฤษให้ถอดคำเป็นภาษาไทยก่อนแล้วจึงใส่ชื่อภาษาอังกฤษไว้ในวงเล็บเช่น อินเทอร์เน็ต(Internet)

ใส่ครังที่พิมพ์้ตังแต่ครั้งที่สองเป็นต้นไป พิมพ์ครังที่้2.

ภาษาอังกฤษให้ใช้ตัวย่อed.เช่น 5th ed.

 ถ้าไม่ปรากฏชื่อเมืองให้ใส่..ท. หมายถึงไม่ปรากฏสถานที่พิมพ์ หรือn.p. (no place) แทน โดยใส่ในเครื่องหมาย[] [ม.ป.ท.]. [n.p.].

ห้ามใส่คำว่าสำนักพิมพ์หรือ Publisher

ในกรณีที่ไม่ปรากฏชื่อส านักพิมพ์หรือโรงพิมพ์ให้ระบุค าว่า ม.ป.พ. หรือn.p. (No Publisher) โดยระบุไว้ในเครื่องหมายเช่น สำนักพิมพ์ไทยวัฒนำพำนิช เขียนได้เป็น ไทยวัฒนาพานิช. [ม.ป.พ.]. [n.p.].

เรียงลำดับตามลำดับอักษรตัวแรกของรายการที่ปรากฎ(-ฮ,A-Z)

ถ้ามีภาษาอังกฤษกับภาษาไทยให้เรียงแยกกันโดยให้เรียงภาษาไทยมาก่อเสมอ

ถ้ามีภาษาอังกฤษกับภาษาไทยให้เรียงแยกกันโดยให้เรียงภาษาไทยมาก่อสมอ

ถ้าผู้แต่งคนแรกซ้ากัน ให้เรียงตามชื่อผู้แต่งคนต่อมา

ถ้าชื่อผู้แต่งเหมือนกันให้เรียงตามอักษรของชื่อต้นและชื่อกลาง

เอกสารผู้แต่งที่เป็นสถาบันสมาคม หน่วยงานให้เรียงตามลำดับอักษรตัวแรก ของชื่อสถาบันที่สะกดเต็มโดย เรียงไปทีละลาดับตั้งแต่หน่วยงานใหญ่ถึง หน่วยงานย่อย