jonka Sivarith Tungjai 2 vuotta sitten
302
Lisää tämän kaltaisia
luonut Pattarika Muangnil
luonut กาญจน์วลิน ศึกเสือ
luonut วัชชิรญา มิระสิงห์
luonut nicharee K
1. ความจำ 2. ความเข้าใจ 3. การประยุกต์ 4. การวิเคราะห์ > การแก้ปัญหา ตรวจสอบได้ 5. การสังเคราะห์ > เน้นโครงสร้างใหม่ 6. การประเมินค่า > วัดได้ และตัดสินได้ว่าถูกหรือผิดบนเหตุผล และเกณฑ์ที่แน่ชัด
ลักษณะสำคัญ 5 ประการ 1.มีการพึ่งพาอาศัยกัน 2.มีการปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด 3.สมาชิกแต่ละคนมีบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ 4.มีการใช้ทักษะการสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และทักษะการทำงานกลุ่ม 5.มีการวิเคราะห์กระบวนการกลุ่ม
ปัญญา (Intelligence) หมายถึง ความสามารถในการค้นหาความรู้ แก้ปัญหา และสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่าต่อสังคม
-ผู้สร้างทฤษฏี คือ Klausmier -การได้มาซึ่งความรู้ สะสมความรู้ และการระลึกได้ -จัดสิ่งเร้าในการเรียนรู้ให้ตรงกับความสนใจของผู้เรียน สอนให้ฝึกจำโดยใช้วิธีการที่หลากหลาย -หากต้องการให้ผู้เรียนจำเนื้อหาสาระได้นาน ๆ สาระนั้นจะต้องได้รับการเข้ารหัส เพื่อนำไปเข้าหน่วยความจำระยะยาว -วิธีการเข้ารหัส เช่น การท่องจำซ้ำ ๆ การทบทวน หรือการใช้กระบวนการขยายความคิด
3 ขั้นตอน
1.Enactive Representation > สัมผัสด้วยตนเอง 2.Iconic Representation > ถ่ายทอดประสบการณ์ด้วยภาพเพื่อขยายการเรียนรู้ 3.Symbolic Representation > ถ่ายทอดประสบการณ์ด้วยสัญลักษณ์ หรือภาษา
-ผู้สร้างทฤษฏี คือ Jerome Bruner -ครูสามารถช่วยพัฒนาให้ผู้เรียนให้เกิดความพร้อมได้ สอนได้ในทุกช่วงอายุ
-ผู้สร้างทฤษฏี คือ David Ausubel -การเรียนรู้ประกอบด้วย 2 กระบวนการ คือ การสร้างมโนมติ และการดูดซึมมโนมติ -การเรียนรู็สิ่งใหม่ หากไม่มีพื้นฐานเดิมมาก่อน จะเป็นการเรียนแบบท่องจำ
Social Constructivism
-มีพื้นฐานมาจาก Lev Vygotsky -ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาด้านพุทธิปัญญา -สถาบันทางสังคมต่าง ๆ เริ่มตั้งแต่ครอบครัวมีผลต่อการพัฒนาเชาว์ปัญญาของแต่ละบุคคล
Cognitive Constructivism
-มีพื้นฐานมาจากแนวคิดของ Piaget -พัฒนาการทางเชาว์ปัญญาของบุคคลมีการปรับตัวผ่านกระบวนการซึมซาบ หรือดูดซับ -เน้นผู้เรียนเป็นผู้สร้างความรู้ -ถ้าผู้เรียนถูกกระตุ้นด้วยปัญหาที่ก่อให้เกิดการเสียสมดุลทางปัญญา ผู้เรียนจะต้องพยายามปรับโครงสร้างทางปัญญาให้เข้าสู่สภาวะสมดุล
สัมพันธ์ต่อเนื่อง
สัมพันธ์เชื่อมโยง
กฎแห่งการฝึกหัด (Law of Exercise)
-พฤติกรรมใดที่ได้มีโอกาสกระทำซ้ำบ่อย ๆ และมีการปรับปรุง ย่อมก่อให้เกิดความชำนวญ ความคล่องแคล่ว -พฤติกรรมใดที่ทอดทิ้งไปนาน ๆ ย่อมกระทำได้ไม่ดีเหมือนเดิม หรือทำให้ลืมได้
กฎแห่งความพร้อม (Law of Readiness)
-ถ้าอินทรีย์พร้อมเรียนรู้ แล้วได้เรียน อินทรีย์จะเกิดความพอใจ -ถ้าอินทรีย์พร้อมเรียนรู้ แล้วไม่ได้เรียน อินทรีย์จะเกิดความรำคาญใจ -ถ้าอินทรีย์ไม่พร้อมเรียนรู้ แล้วบังคับเรียน อินทรีย์จะเกิดความรำคาญใจ
กฎแห่งผล (Law of Effect)
-ผลแห่งปฏิกิริยาตอบสนองใดเป็นที่น่าพอใจ อินทรีย์ย่อมกระทำปฏิกิริยานั้นซ้ำอีก -ผลแห่งปฏิกิริยาตอบสนองใดไม่เป็นที่น่าพอใจ บุคคลย่อมจะหลีกเลี่ยงไม่กระทำปฏิกิริยานั้นซ้ำอีก
ผู้ที่ทำการทดลองศึกษา คือ ธอร์นไดค์ (Thorndike)
แบบการกระทำ
การเสริมแรง และการลงโทษ
การลงโทษ > ทำให้ความถี่ของการแสดงพฤติกรรมลดลง
การลงโทษทางบวก > ให้สิ่งที่ไม่ชอบ การลงบโทษทางลบ > ถอนสิ่งที่ไม่ชอบ
การเสริมแรง > ทำให้ความถี่ของการแสดงพฤติกรรมเพิ่มขึ้น
การเสริมแรงทางบวก > ให้สิ่งที่ชอบ การเสริมแรงทางลบ > ถอนสิ่งที่ชอบ
แบ่งพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตไว้ 2 แบบ
Respondent Behavior > สิ่งมีชีวิตไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ Operant Behavior > สิ่งมีชีวิตเป็นผู้กำหนด
ศึกษา และวิเคราะห์สถานการณ์การเรียนรู้ที่มีการตอบสนองแบบแสดงการกระทำ
ผู้ที่ทำการทดลองศึกษา คือ สกินเนอร์ (Skinner)
แบบคลาสสิก
การประยุกต์
1.ปลูกฝังความรู้สึก และเจตคติที่ดีต่อเนื้อหาวิชา กิจกรรมนักเรียน ครูผู้สอน และสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ 2.ทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้เรียนที่แสดงออกถึงอารมณ์ และความรู้สึก 3.ป้องกันความรู้สึกล้มเหลว ผิดหวัง โดยการส่งเสริมให้กำลังใจ หลีกเลี่ยนการใช้อารมณ์ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนผ่อนคลายความรู้สึกตามขอบเขตที่เหมาะสม
การทดลองแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน
1.ก่อนการวางเงื่อนไข 2.ขณะวางเงื่อนไข 3.หลังการวางเงื่อนไข
ทำการทดลองกับสุนัข โดยฝึกสุุนัขให้ยืนนิ่งอยู่ในที่ตรึงในห้องทดลอง ข้างแก้มของสุนัขติดเครื่องมือวัดระดับการไหลของน้ำลาย
ผู้ที่ทำการทดลองคือ พาฟลอฟ (Pavlov)