par Hiro ki Il y a 4 années
272
Plus de détails
par 029 ธีระกรณ์ แก้วคํา
par thitirat yulek
par ธีรภัทร แซ่เตียว
par Hatsana Kongbamrung
แบบถอดความ (Paraphrase Note)
ใช้ในกรณีต้นฉบับเป็น
ภาษาต่างประเทศ
ภาษาที่ไม่แพร่หลายคุ้นเคย เช่น ภาษาบาลี
ร้อยกรองแต่ต้องการใช้เป็นร้อยแก้ว
แบบคัดลอกข้อความ (Quotation Note)
ลักษณะของข้อความที่บันทึกโดยวิธีคัดลอก
เป็นข้อความซึ่งเป็นคติเตือนใจมีความงามและความไพเราะทางภาษา
มีเนื้อหาสาระหนักเเน่น กะทัดรัด ลุ่มลึก เฉียบคม กินใจ
เป็นสูตรกฎหรือระเบียบข้อบังคับ
เป็นคำจำกัดความหรือความหมายของคำ
แบบย่อความ (Summary Note)
ตัวอย่างบัตรบันทึกความรู้
ข้อความที่บันทึก
เลขหน้าที่ปรากฏของข้อมูล
แหล่งที่มาของข้อมูลให้เขียนตามรูปแบบบรรณานุกรม
หัวข้อเรื่องที่ต้องการค้นคว้า ลงไว้ที่หัวมุมบนขวาของบัตร
บัตรแข็งขนาด5x8หรือ4x6หรือกระดาษรายงานA4พับครึ่งใช้บันทึกข้อมูลที่ต้องการ
ใจความสำคัญ
แหล่งที่มาของข้อมูล
คำสำคัญหรือแนวคิด
การนำไปใช้งาน
1.ใช้ระดมพลังสมอง 2.ใช้นำเสนอข้อมูล 3.ใช้จัดระบบความคิดและช่วยความจำ 4.ใช้วิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ 5.ใช้สรุปหรือสร้างองค์ความรู้
วิธีการเขียน
ตกแต่งให้สวยงามและสอดคล้องกับธีมที่ทำ
1.เตรียมกระดาษเปล่าที่ไม่มีเส้นบรรทัดและวางกระดาษภาพแนวนอน 2.วาดภาพสีหรือข้อความที่สื่อถึงเรื่องจะทำกลางหน้ากระดาษโดยใช้สีอย่างน้อย3สี และต้องไม่ตีกรอบด้วยรูปทรงเรขาคณิต 3.เขียนหัวเรื่องสำคัญของเรื่องทีทำ โดยเขียนเป็นKey Wordสั้นๆบนเส้นซึ่งเส้นแต่ละเส้นจะต้องแตกออกมาจากศูนย์กลางไม่ควรเกิน 8 กิ่ง 4.แตกความคิดของหัวเรื่องสำคัญแต่ละเรื่องออกเป็นกิ่งๆโดยเขียนข้อความบนเส้นที่แตกออกไป ลักษณะของกิ่งควรเอนไม่เกิน 60 องศา 5.แตกความคิดรองลงไปที่เป็นส่วนประกอบของแต่ละกิ่งในข้อ4 โดยเขียนคำหรือวลีเส้นที่แตกออกไป ซึ่งสามารถแตกความคิดออกไปเรื่อย ๆ 6.การเขียนควรใช้ key word ที่มีความหมายชัดเจน 7.ส่วนไหนที่ต้องการให้เด่น อาจใช้วิธีการทำให้เด่น เช่นการล้อมกรอบ หรือใส่กล่อง
ขั้นตอนการสร้าง
1.เขียน/วาดมโนทัศน์หลักตรงกึ่งกลางหน้ากระดาษ 2.เขียน/วาดมโนทัศน์รองที่สัมพันธ์กับมโนทัศน์หลักไปรอบๆ 3.เขียน/วาดมโนทัศน์ย่อยที่สัมพันธ์กับมโนทัศน์รองแตกออกไปเรื่อยๆ 4.ใช้ภาพหรือสัญลักษณ์สื่อความหมายเป็นตัวแทนความคิดให้มากที่สุด 5. เขียนคำสำคัญ (Key word) บนเส้นและเส้นต้องเชื่อมโยงกัน 6.กรณีใช้สี ทั้งมโนทัศน์และรองควรเป็นสีเดียวกัน 7.คิดอย่างอิสระมากที่สุดขณะทำ
บทสรุป
เนื้อหา (ส่วนที่จากการสืบค้นและเลือกใช้ข้อมูลและนำมาจัดกลุ่ม)
2.หัวข้อใหญ่ 2.1หัวข้อรอง 2.1.1หัวข้อย่อย 2.1.2หัวข้อย่อย 2.2หัวข้อรอง 2.2.1หัวข้อย่อย 2.2.2หัวข้อย่อย 3.หัวข้อใหญ่ 3.1หัวข้อรอง 3.2หัวข้อรอง
บทนำ
จะได้โครงร่างคร่าวๆ ที่มองเห็นภาพรวมของข้อมูล(ใส่ข้อมูล มุมมอง เรียบเรียงข้อมูลด้วยภาษาของตนเอง)
จัดเรียงข้อมูลที่ได้เพื่อจัเขียนโครงร่างเพื่อให้เห็นลำดับชั้นความสัมพันธ์และความต่อเนื่องของข้อมูล
ลองจัดกลุ่มความสัมพันธ์ของข้อมูล โดยใส่เลขเรื่องตัวอักษรลงไป
ทำHighlight/Mark ส่วนสำคัญ
นำข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งต่างๆที่ได้มาอ่านอีกครั้ง
-จัดกลุ่ม(ประเด็นใหญ่/ประเด็นย่อย) -เรียงตามลำดับอักษร -ตามลำดับเวลา (เช่น เหตุการณ์) -ตั้งแต่ต้นจนจบ(เช่น story) -ใช้หลายๆ วิธีข้างต้นผสมผสานกัน
สารสนเทศตติยภูมิ (Tertiary Information)
บรรณานุกรม ดัชนีวารสาร
สารสนเทศทุติยภูมิ (Secondary Information)
เป็นการนำสารสนเทศปฐมภูมิมาใช้
สารสนเทศปฐมภูมิ (Primary Information)
งานต้นฉบับหรืองานที่ผู้เขียนเผยแพร่ครั้งแรก
ประเมินความทันสมัย
ประเมินความน่าเชื่อถือของทรัพยากรสารสนเทศ
สื่อสิ่งพิมพ์แบบใด สื่ออิเล็กทรอนิกส์แบบใด
ประเมินความน่าเชื่อถือของผู้เขียนผู้จัดทำสำนักพิมพ์
ยศ ตำแหน่ง
ประเมินความน่าเชื่อถือของแหล่งที่มาของสารสนเทศ
วารสารวิชาการ นิตยสาร
ทำได้โดยการอ่าน - ชื่อเรื่อง - คำนำ - สารบัญ - เนื้อเรื่องย่อ
มาจากแหล่งที่ต้องการ และรูปแบบที่ต้องการ
นำไปใช้ทำอะไร
มีเนื้อหาตอบโจทย์
ถ้าเป็นสารสนเทศจากอินเทอร์เน็ต ให้ดูว่ามีการเชื่อมโยงรายละเอียดกับเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ หรือมีการคำอธิบายประกอบครบถ้วนสมบูรณ์เพียงใด
ให้ความรู้ในระดับใด
มีเนื้อหาครอบคลุมหรือไม่
เนื้อหาครบถ้วนสมบูรณ์หรือเป็นเพียงบทสรุป บทคัดย่อ สาระสังเขป
ผู้จัดพิมพ์เป็นองค์กรหรือสมาคมมืออาชีพที่มีประสบการณ์หรือไม่
เป็นโรงพิมพ์ของมหาวิทยาลัยหรือไม
จัดพิมพ์จำนวนมากหรือน้อยเพียงใด
ผู้ที่จัดพิมพ์เป็นที่รู้จักกันดีในสาขาวิชานั้นๆ
มีผลงานเขียนที่เกี่ยวข้องกันในที่อื่นๆอีกหรือไม่
มีคุณวุฒิและประสบการณ์ในเรื่องที่เขียนหรือไม่
มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับหรือไม่
ผู้แต่งใช้ข้อเท็จจริงสนับสนุนการแสดงความคิดเห็นหรือไม่
เนื้อหามีความลำเอียงหรือไม่
การเขียน การสะกดคำ ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์
เป็นสารสนเทศระดับใด
มีการอ้างอิงและบรรณานุกรมหรือไม
เปรียบเทียบแหล่งที่มาของสารสนเทศกับแหล่งอื่นๆ