Kategorier: Alle - การสื่อสาร - คอมพิวเตอร์

af มังศรี มังศรี 4 år siden

291

ประเภทของภาษา

มนุษย์ใช้ภาษามาเป็นเวลานานเพื่อสื่อสารและถ่ายทอดความคิดและความรู้สึก มีภาษาหลักสองประเภทคือ ภาษาธรรมชาติและภาษาประดิษฐ์ ภาษาธรรมชาติเป็นภาษาที่มนุษย์ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน ซึ่งมีความยืดหยุ่นและเปลี่ยนแปลงตามการยอมรับของกลุ่มผู้ใช้ ส่วนภาษาประดิษฐ์หรือภาษาคอมพิวเตอร์ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ ภาษานี้มีกฎเกณฑ์ที่ตายตัวและมีจุดมุ่งหมายเฉพาะ ซึ่งแตกต่างจากภาษาธรรมชาติที่ไม่มีรูปแบบที่แน่นอนและกฎเกณฑ์ขึ้นกับหลักไวยากรณ์ ภาษาคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกเป็นหลายระดับ เช่น ภาษาเครื่องที่ใช้ตัวเลขล้วน และภาษาระดับต่ำที่ใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษแทนการทำงาน เนื่องจากภาษาเครื่องมีความยุ่งยากในการเขียนและมีโอกาสเกิดความผิดพลาดสูง ภาษาระดับต่ำจึงได้รับการพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหานี้

ประเภทของภาษา

ประเภทของภาษา

ภาษาระดับสูง (High Level Language)
ภาษา ระดับสูงเป็นภาษาที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการเขียนโปรแกรม กล่าวคือลักษณะของคำสั่งจะประกอบด้วยคำต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษ ซึ่งผู้อ่านสามารถเข้าใจความหมายได้ทันที ผู้เขียนโปรแกรมจึงเขียนโปรแกรมด้วยภาษาระดับสูงได้ง่ายกว่าเขียนด้วยภาษาแอ สเซมบลีหรือภาษาเครื่อง ภาษาระดับสูงมีมากมายหลายภาษา

ภาษาซีและซีพลัสพลัส (C และ C++)

เดนนิส ริตชี (Dennis Ritchie) ที่เอทีแอนด์ทีเบลล์แล็บส์ (AT&T Bell Labs

ภาษาซีมีสิ่งอำนวยสำหรับการเขียนโปรแกรมเชิงโครงสร้าง และสามารถกำหนดขอบข่ายตัวแปรและเรียกซ้ำ เช่นเดียวกับภาษาโปรแกรมเชิงคำสั่งส่วนใหญ่ในสายตระกูลภาษาอัลกอล ในขณะที่ระบบชนิดตัวแปรแบบอพลวัตช่วยป้องกันการดำเนินการที่ไม่ได้ตั้งใจ รหัสที่ทำงานได้ทั้งหมดในภาษาซีถูกบรรจุอยู่ในฟังก์ชัน พารามิเตอร์ของฟังก์ชันส่งผ่านด้วยค่าของตัวแปรเสมอ ส่วนการส่งผ่านด้วยการอ้างอิงจะถูกจำลองขึ้นโดยการส่งผ่านค่าตัวชี้ ชนิดข้อมูลรวมแบบแตกต่าง (struct) ช่วยให้สมาชิกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันสามารถรวมกันและจัดการได้ในหน่วยเดียว รหัสต้นฉบับของภาษาซีเป็นรูปแบบอิสระ ซึ่งใช้อัฒภาค (;) เป็นตัวจบคำสั่ง (มิใช่ตัวแบ่ง)

มีโครงสร้างการเขียนที่ง่าย สามารถควบคุมการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูง คำสั่งที่ใช้ภาษาซี สามารถควบคุมอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ได้หลายอย่างดีกว่าภาษาอื่น ที่มีข้อจำกัดของในการใช้กับอุปกรณ์บางชนิด โปรแกรมที่เขียนด้วยภาษาซีสามารถนำไปใช้งานได้กับคอมพิวเตอร์ทุกรุ่นที่มีมาตรฐาน ANSI มีเครื่องมือที่ช่วยในการเขียนโปรแกรมภาษาซี ในราคาไม่แพง

คำสงวนสำหรับภาษาซีมาตรฐาน (Standard C) มีทั้งหมด 32 คำ ดังนี้ auto break case char const continue default do double else enum extern float for goto if int long register return short signed sizeof static struct switch typedef union unsigned void volatile while

พื้นที่ C สายมีช่องว่างเท่านั้นที่รู้จักกันเป็นบรรทัดว่างอาจมีความคิดเห็น, C คอมไพเลอร์จะไม่สนใจมันอย่างสมบูรณ์ ใน C พื้นที่สำหรับการอธิบายช่องว่างแท็บแบ่งบรรทัดและแสดงความคิดเห็น ส่วนต่าง ๆ ของพื้นที่งบเพื่อให้คอมไพเลอร์สามารถระบุคำสั่งองค์ประกอบ (เช่น int) ความมันจะจบที่ไหนองค์ประกอบถัดไปที่จะเริ่มต้น ดังนั้นในคำสั่งดังต่อไปนี้: int age; ที่นี่คุณจะต้องมีพื้นที่อย่างน้อยหนึ่งตัว (มักจะเป็นช่องว่าง) ระหว่าง int และอายุเพื่อให้คอมไพเลอร์ที่จะสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างพวกเขา บนมืออื่น ๆ ในคำสั่งดังต่อไปนี้: fruit = apples + oranges; // 获取水果的总数 ผลไม้และ = = หรือตัวอักษรช่องว่างระหว่างแอปเปิ้ลและไม่จำเป็นต้องใช้ แต่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านคุณสามารถเพิ่มช่องว่างที่เหมาะสมตามความจำเป็นบางอย่าง

ตัวบ่งชี้ ระบุซีจะใช้ในการระบุตัวแปรฟังก์ชั่นหรือชื่อของรายการที่ผู้ใช้กำหนดอื่น ๆ ตัวระบุด้วยตัวอักษร AZ หรือ az หรือขีด _ เริ่มต้นตามด้วยศูนย์หรือมากกว่าตัวอักษรขีดและตัวเลข (0-9) ตัวละครที่ได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายวรรคตอนเช่น @, $ และ% ภายในตัวระบุ C Cเป็นกรณีการเขียนโปรแกรมภาษาดังนั้นในC กำลังคนและกำลังคนที่มีสองตัวบ่งชี้ที่แตกต่างกันนี่คือบางตัวบ่งชี้ที่ถูกต้อง: mohd zara abc move_name a_123 myname50 _temp j a23b9 retVal

หมายเหตุ หมายเหตุเช่นข้อความโปรแกรม C ความช่วยเหลือพวกเขาจะถูกปฏิเสธโดยคอมไพเลอร์ พวกเขาเริ่มต้นด้วย / * กับตัวอักษร * / เลิกจ้างดังต่อไปนี้ /* 我的第一个 C 程序 */ คุณไม่สามารถแสดงความคิดเห็นในความคิดเห็นของรังซึ่งสามารถไม่ปรากฏในสตริงหรือตัวอักษร

ในโปรแกรม C, อัฒภาคเป็น Terminator คำสั่ง นั่นคือคำสั่งแต่ละคนจะต้องจบลงด้วยอัฒภาค มันแสดงให้เห็นจุดสิ้นสุดของนิติบุคคลตรรกะ ยกตัวอย่างเช่นที่นี่มีสองงบที่แตกต่างกัน printf("Hello, World! \n"); return 0;

โปรแกรม C ประกอบด้วยจากความหลากหลายของสัญญาณ, โทเค็นสามารถเป็นคำหลักตัวระบุค่าคงที่ค่าสตริงหรือสัญลักษณ์ ยกตัวอย่างเช่นคำสั่งต่อไปนี้ C รวมถึงห้าราชสกุล: printf("Hello, World! \n");

ภาษาจาวา (Java)

เจมส์ กอสลิง และวิศวกรคนอื่นๆ ที่ ซัน ไมโครซิสเต็มส์

ภาษาจาวาถูกออกแบบให้มีความสามารถทำงานได้ในระบบปฏิบัติการที่หลากหลาย โดยติดตั้งส่วนรับการประมวลผลเพิ่มเติมที่ชื่อว่า จาวาเวอร์ชวลแมชชีน (Java Virtual Machine) และมีวิธีพัฒนาโปรแกรมตอบสนองการเข้าใช้งานของผู้ใช้ได้อย่างหลากหลายวิธี

ภาษาไพทอน (Python)

คีโด ฟัน โรสซึม

การออกแบบของภาษาไพทอนมุ่งเน้นให้ผู้โปรแกรมสามารถอ่านชุดคำสั่งได้โดยง่ายผ่านการใช้งานอักขระเว้นว่าง (whitespaces) จำนวนมาก นอกจากนั้นการออกแบบภาษาไพทอนและการประยุกต์ใช้แนวคิดการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุในตัวภาษายังช่วยให้นักเขียนโปรแกรมสามารถเขียนโปรแกรมที่เป็นระเบียบ อ่านง่าย มีขนาดเล็ก และง่ายต่อการบำรุง

ด้วยความยืดหยุ่นของภาษาไพทอน และความเป็น ภาษาสคริปต์ทำให้มีการใช้งานไพทอนอย่างกว้างขวาง

ไวยากรณ์ของไพธอนได้กำจัดการใช้สัญลักษณ์ที่ใช้ในการแบ่งบล็อกของโปรแกรม และใช้การย่อหน้าแทน ทำให้สามารถอ่านโปรแกรมที่เขียนได้ง่าย นอกจากนั้นยังมีการสนับสนุนการเขียน docstring ซึ่งเป็นข้อความสั้น ๆ ที่ใช้อธิบายการทำงานของฟังก์ชัน, คลาส และโมดูลอีกด้วย

ภาษาปาสคาล (Pascal)

คิดค้นขึ้นโดยนีเคลาส์ เวียร์ท (Niklaus Wirth) นักวิทยาการคอมพิวเตอร์ชาวสวิสใน ค.ศ. 1970

ภาษา Pascal จัดเป็นภาษาระดับสูง (High-Level language) อีกภาษาหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้ในวงการศึกษา เพราะเป็นภาษาที่มีลักษณะเด่นอยู่หลายด้าน เช่น 1. รูปแบบของคำสั่งเป็นภาษา English 2. คำสั่งมีความง่ายต่อการทำความจดจำ เช่นคำว่า Begin , End , Read , Write หรือคำสั่งอื่น ๆ 3. ลักษณะการทำงานของโปรแกรมจะเป็นการทำงานที่มีโครงสร้าง 4. มีการแปลคำสั่งแบบ Compile ทำให้สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว 5. เหมาะกับงานทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นงานทางด้านวิทยาศาสตร์ทีมีการคำนวณ หรืองานทางด้านธุรกิจ แม้แต่งานทางด้านกราฟิกก็สามารถใช้ได้

เป็นภาษาที่มีโครงสร้างที่ดีมาก สามารถเขียนโปรแกรมแบ่งเป็นโปรแกรมย่อยได้อย่างง่าย ทำให้การพัฒนาและแก้ไข ทำได้อย่างรวดเร็ว เหมาะกับผู้เริ่มต้นเขียนโปรแกรมอย่างมีโครงสร้าง และไม่จำกัดอยู่กับงานลักษณะใดลักษณะหนึ่ง

ภาษาระดับต่ำ (Low Level Language)
เนื่อง จากภาษาเครื่องเป็นภาษาที่มีความยุ่งยากในการเขียนดังได้กล่าวมาแล้ว จึงไม่มีผู้นิยมและมีการใช้น้อย ดังนั้นได้มีการพัฒนาภาษาคอมพิวเตอร์ขึ้นอีกระดับหนึ่ง โดยการใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษเป็นรหัสแทนการทำงาน การใช้และการตั้งชื่อตัวแปรแทนตำแหน่งที่ใช้เก็บจำนวนต่าง ๆ ซึ่งเป็นค่าของตัวแปรนั้น ๆ การใช้สัญลักษณ์ช่วยให้การเขียนโปรแกรมนี้เรียกว่า “ภาษาระดับต่ำ”ภาษาระดับต่าเป็นภาษาที่มีความหมายใกล้เคียงกับภาษาเครื่อง มากบางครั้งจึงเรียกภาษานี้ว่า “ภาษาอิงเครื่อง” (Machine – Oriented Language) ตัวอย่างของภาษาระดับต่ำ ได้แก่ ภาษาแอสเซมบลี เป็นภาษาที่ใช้คำในอักษรภาษาอังกฤษเป็นคำสั่งให้เครื่องทำงาน

ภาษาแอสเซมบลี เป็น ภาษาโปรแกรมรุ่นที่สอง (second-generation programming language: 2GL)

ภาษาที่มีการใช้สัญลักษณ์ข้อความ (mnemonic codes) แทนกลุ่มของเลขฐานสอง เพื่อให้ง่ายต่อการเขียนและการจดจำมากกว่าภาษาเครื่อง

ภาษาเครื่อง เป็น ภาษาโปรแกรมรุ่นที่หนึ่ง (first-generation programming language: 1GL)

กลุ่มของคำสั่งเครื่องที่กระทำการโดยตรงโดยหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ของคอมพิวเตอร์ คำสั่งเครื่องแต่ละคำสั่งจะปฏิบัติงานเฉพาะกิจงานเดียวเท่านั้น เช่นการบรรจุ (load) การกระโดด (jump) หรือการดำเนินการผ่านหน่วยคำนวณและตรรกะ (ALU) บนหน่วยของข้อมูลในหน่วยความจำหรือเรจิสเตอร์ ทุก ๆ โปรแกรมที่กระทำการโดยหน่วยประมวลผลกลางสร้างขึ้นจากอนุกรมของคำสั่งเครื่อง

ภาษาเครื่อง (Machine Language)
การ เขียนโปรแกรมเพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานในยุคแรก ๆ จะต้องเขียนด้วยภาษาซึ่งเป็นที่ยอมรับของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า “ภาษาเครื่อง” ภาษานี้ประกอบด้วยตัวเลขล้วน ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้ทันที ผู้ที่จะเขียนโปรแกรมภาษาเครื่องได้ ต้องสามารถจำรหัสแทนคำสั่งต่าง ๆ ได้ และในการคำนวณต้องสามารถจำได้ว่าจำนวนต่าง ๆ ที่ใช้ในการคำนวณนั้นถูกเก็บไว้ที่ตำแหน่งใด ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดในการเขียนโปรแกรมจึงมีมาก นอกจากนี้เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละระบบมีภาษาเครื่องที่แตกต่างกันออก ทำให้เกิดความไม่สะดวกเมื่อมีการเปลี่ยนเครื่องคอมพิวเตอร์เพราะจะต้องเขียน โปรแกรมใหม่ทั้งหมด

ความหมาย

มนุษย์ ใช้ภาษาในการสื่อสารมาตั้งแต่สมัยโบราณ การใช้ภาษาเป็นเรื่องที่มนุษย์พยายามถ่ายทอดความคิดและความรู้สึกต่าง ๆ เพื่อการโต้ตอบและสื่อความหมาย ภาษาที่มนุษย์ใช้ติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ หรือภาษาจีน ต่างเรียกว่า “ภาษาธรรมชาติ” (Natural Language) เพราะมีการศึกษา ได้ยิน ได้ฟัง กันมาตั้งแต่เกิดการใช้งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นเครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ทำงานตามที่ต้องการ จำเป็นต้องมีการกำหนดภาษา สำหรับใช้ติดต่อสั่งงานกับคอมพิวเตอร์ ภาษาคอมพิวเตอร์จะเป็น ”ภาษาประดิษฐ์” (Artificial Language) ที่มนุษย์คิดสร้างมาเอง เป็นภาษาที่มีจุดมุ่งหมายเฉพาะ มีกฎเกณฑ์ที่ตายตัวและจำกัด คืออยู่ในกรอบให้ใช้คำและไวยากรณ์ที่กำหนดและมีการตีความหมายที่ชัดเจน จึงจัดภาษาคอมพิวเตอร์เป็นภาษาที่มีรูปแบบเป็นทางการ (Formal Language) ต่างกับภาษาธรรมชาติที่มีขอบเขตกว้างมาก ไม่มีรูปแบบตายตัวที่แน่นอน กฎเกณฑ์ของภาษาจะขึ้นกับหลักไวยากรณ์และการยอมรับของกลุ่มผู้ใช้นั้น ๆ ภาษา