Kategóriák: Minden - นโยบาย - ประชาชน - เศรษฐกิจ

a warittha wankaew 3 éve

276

องค์ประกอบของระบบการกําหนดนโยบาย Elements of the Policy-Making System

การกำหนดนโยบายในระบบราชการมีปัญหาความน่าเชื่อถือและความรับผิดชอบ เนื่องจากข้าราชการไม่ได้ถูกแต่งตั้งจากทางการเมือง โดยข้าราชการเป็นผู้กำหนดนโยบายและมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจ หากไม่ดำเนินการนโยบายอาจไม่เกิดขึ้น ทำให้เกิดคำถามว่าใครจะรับผิดชอบ นอกจากนี้ ระบบราชการยังต้องคำนึงถึงประชาธิปไตยและการดำเนินการตามกฎหมาย แต่บางครั้งก็ยากที่จะตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ทั้งหมด สิ่งแวดล้อมทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจมีผลกระทบต่อการกำหนดนโยบาย โดยแนวโน้มประชากรและความรู้สึกของสาธารณะเป็นตัวแปรสำคัญ พรรคการเมืองมีบทบาทในการนำเสนอนโยบายที่ตอบสนองความต้องการของผู้เลือกตั้งและมีอิทธิพลในการกำหนดนโยบายทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ

องค์ประกอบของระบบการกําหนดนโยบาย
Elements of the Policy-Making System

องค์ประกอบของระบบการกําหนดนโยบาย Elements of the Policy-Making System

การบริหารและระบบราชการ (Administrative Agencies and Bureaucrats)

>>> ระบบราชการถือเป็นการจัดการของรัฐบาลที่เป็นระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่และการใช้ชีวิตของคนในสังคม Weber เชื่อว่าระบบราชการเป็นนวัตกรรมที่สําคัญและเป็นสมัยใหม่ >>>ประชาชนจํานวนมากได้ใช้ “ระบบราชการ”และ“ข้าราชการ”เป็นไปในทางลบแต่ weber ไม่ได้นําความคิดเชิงลบมาใช้ในความหมายของเขา แต่เขาใช้การอธิบายอย่างง่ายๆว่าเป็นตัวแบบหนึ่งขององค์การ ดังนี้ ลักษณะระบบราชการของ Weber *พื้นที่ของเขตอํานาจทางกฎหมายที่มีกฎระเบียบเบื้องต้น *ระบบการสั่งการที่มีหัวหน้าและฝ่ายสนับสนุนเพื่อให้คนที่มีตําแหน่งที่สูงกว่าดูและตรวจตราผู้มีตําแหน่งตํ่ากว่า หรือเรียกว่าการเป็นไปตามลําดับขั้น (Hierarchy) *การจัดการที่เป็นทางการโดยมีระบบทางด้านเอกสาร ซึ่งเอกสารจํานวนมากมายเหล่านั้นจะช่วยให้เกิดการตัดสินใจของข้าราชการเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่ดีขึ้น *เป็นการฝึกฝนอย่างเชี่ยวชาญของผู้ทํางานทั้งในทางกฎหมาย การบริหารรัฐกิจ *เป็นการทํางานอย่างเต็มสมรรถภาพอย่างเป็นทางการ *เป็นการจัดการอย่างเป็นทางการตามกฎหมายทั่วไป ซึ่งอาจจะมีความมั่นคงมากขึ้นหรือ

สื่อสารมวลชน (Communications Media)

>>> สื่อต่างๆมีความสําคัญมากในทางการเมืองและนโยบายสาธารณะมีการคนพบ จํานวนมากโดยผ่านบทความที่ลงในหนังสือพิมพ์ซึ่งถือเป็น ความอิสระในภาคอธิปไตย >>> watch dog ซึ่งทําหน้าที่ของสื่อหนังสือพิมพ์และนักการศึกษามีการส่งเสริมให้เชื่อว่าสื่อใหม่ๆมีบทบาทสําคัญในการให้ข้อมูลของพลเมืองเกี่ยวกับ ประเด็นต่างๆรวมถึงสิ่งที่รัฐบาลกําลังทํา

ผู้มีส่วนร่วมในกระบวนการนโยบาย อย่างเปนทางการกับบทบาทนโยบายสาธารณะ (Official Actors and Their Roles in Public Policy)

ผู้ที่มีส่วนร่วมในการกําหนดนโยบายมีอยู่ 2 ลักษณะ 1) แบบที่เป็นทางการ (Official Actors) สภานิติบัญญัติ = คณะตุลาการจะเป็นผู้ตีความในทางกฎหมายและออกกฎหมาย สถาบันบริหาร = ประธานาธิบดีได้พิจารณาข้อดีในการกําหนดนโยบาย เมื่อได้มีการ เปรียบเทียบในข้อกฎหมาย Paul Light-Agenda setting 2) แบบที่ไม่เป็นทางการ (Unofficial Actors) - ผู้เล่นเหล่านี้จะมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผลประโยชน์ในกลุ่มของตน - กลุ่มผลประโยชน์จงมีความเกี่ยวของในทางการเมืองแต่ไม่อาจถูกแทรกแซงผ่านทางกฎหมาย

โครงสร้างทางสิ่งแวดล้อม (The Structural Environment)

- สิ่งแวดล้อมทางสังคม=มีความสัมพันธ์กับองค์ประกอบของประชากรมากดังนั้นจึงทําให้เราสามารถทราบถึงแนวโน้มประชากรได้ ซึ่งแนวโน้มเหล่านี้จะเป็นอิทธิพลที่สําคัญในการกําหนดนโยบายสาธารณะ - สิ่งแวดล้อมทางการเมือง=มีแนวทางหนึ่งที่ผู้กําหนดนโยบายและผู้มีส่วนร่วมในทางการเมืองได้ใช้เป็นตัวเลือกของนโยบายก็คือ การสํารวจความคิดเห็นของสาธารณะ “the national mood” (ความรู้สึกของคนในชาติ) - สิ่งแวดล้อมทางเศรษฐกิจ= การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ จะให้รัฐบาล สามารถกําหนดนโยบายทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมในทุกฟังชั่น

รัฐบาลทำอะไร? (What do Government do?)

>>> หน่วยงานภาครัฐได้มีการจัดการการบริหารทั้งในเชิงเศรษฐกิจที่ให้เอกชนไป จัดการ หรือทางเอกชนอาจจะขอจากทางภาครัฐเพื่อไปจัดการ และภาครัฐอาจจะเลือกที่จะไม่ถามว่าเอกชนมีการจัดการอย่างไร >>> หลักที่สําคัญในเรื่องของ "Free rider" กับสินค้าสาธารณะ สินค้าสาธารณะอาจเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น เป็นสิ่งที่ไม่มีราคา สินค้าสาธารณะเหล่านั้นเป็นสินค้าที่เป็นของสาธารณะที่ให้พลเมืองใช้ได้เป็นอย่างดีและเหมาะสม และยังเป็นสิ่งที่มีไว้เพื่อทุกคน >>> “Free rider” ได้เป็นผลลัพธ์ของการบริการที่มีไว้ทุกคนแต่ก็มิใช่ทุกคนที่จะเสียค่าใช้จ่ายเพื่อสิ่งเหล่านั้น อาทิ ถนน การป้องกันประเทศ นโยบาย การดับเพลิงสาธารณสุข และสุขาภิบาล เป็นต้น

ระบบราชการและปญหาการยอมรับจากประชาชน (Bureaucracy and the Problem of Accountability)

>>> การที่ระบบราชการไม่มีความน่าไว้วางใจก็คือ ข้าราชการพลเรือนที่มีขนาดใหญ่และข้าราชการทั้งหมดไม่ได้ถูกแต่งตั้งจากทางการเมือง >>> ประเด็นสําคัญก็คือ การที่ข้าราชการกําหนดนโยบายทั้งหมด ซึ่งหากข้าราชการไม่ตัดสินใจทําก็อาจจะไม่เกิดนโยบายขึ้น และจะเกิดปัญหาว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบในนโยบายดังกล่าว เนื่องจากระบบราชการให้ความสําคัญในเรื่องประชาธิปไตยและการดําเนินการตามอํานาจทางกฎหมายเพื่อให้นโยบาย สำเร็จลุล่วงไปได้ >>> ปัญหาคือในระบอบประชาธิปไตยภายใต้ระบบราชการอาจเกิดปัญหาตามมา เพราะว่าราชการเป็นผู้ตัดสินใจให้สาธารณะ จึงทําให้เป็นเรื่องที่ยากที่จะทําให้สนองตอบประชาชนส่วนใหญ่ >>> ปัญหาต่อมาก็คือเราจะรู้ได้อย่างไรว่าราชการมีวิจารณญาณในการตัดสินใจ ซึ่งหากดูจากสภาวะกดดันของประชาชนก็อาจจะเป็นไปตามความต้องการของสาธารณะได้ แต่กระนั้นก็ยังมีประชาชนจํานวนหนึ่งที่ราชการไม่ได้ทำตามความต้องการของเขาเช่นกัน

ตุลาการ (Courts)

>>> ผู้มีส่วนร่วมแบบไม่เป็นทางการและบทบาทในการกําหนดนโยบาสาธารณะ ปัจเจกชน (Individual Citizens) การศึกษามากมายเกี่ยว กับกระบวนการทางนโยบายซึ่งไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับ กิจกรรมต่าง ๆ ของปัจเจกชน กลุ่มผลประโยชน์ Interest Groups *กลุ่มผลประโยชน์ที่มีความสําคัญในกระบวนการทางนโยบาย เนื่องมาจากว่ากลุ่มผลประโยชน์เหล่านี้ได้เกิดจากการรวม กลุ่มของปัจเจกชนที่มีอํานาจ *ในสังคมของอเมริกาได้เรียกกลุ่มผลประโยชน์เหล่านี้ว่า “Special Interest Groups”บางกลุ่มก็เรียกว่า “Public Interest Groups”ส่วนกลุ่มอื่นๆ ก็จะมีการสนับสนุน แบบ ปกติซึ่งหลายกลุ่มมีการโต้แย้งกันขึ้นด้วย

พรรคการเมือง (Political Parties)

>>> พรรคการเมืองมีความสําคัญในกระบวนการทางนโยบาย อันดับ แรกคือ สัญลักษณ์พรรคการเมือง ที่จัดวางให้ผู้มาออก เสียงเลือกตั้ง ได้เกิดบทบาทขึ้นผู้ ออกเสียงจะทราบเกี่ยวกับ ลักษณะของพรรค >>> อันดับต่อมาคือ พรรคการเมืองจะหาแนวทางที่น่าพึ่ง พอใจ สําหรับผู้เลือกตั้ง พรรคการเมืองต่างให้ความสําคัญใน อํานาจ ทางกฎหมายซึ่งถือเป็นฝ่าย นิติบัญญัติ โดยสถาบัน นิติบัญญัติ และสถาบันทาง กฎหมายจะเลือกผู้นําจากสาย ทางการเมือง