โรคไข้เลือดออก
การรักษาอาการเบื้องต้น
ห้ามรับประทานยาแอสไพรินและยากลุ่ม NSAID เด็ดขาดเพราะอาจทำให้เลือดออกง่ายและมากขึ้น
รับประทานยาลดไข้
ยาพาราเซทตามอลได้แต่ในปริมาณที่แพทย์สั่งเท่านั้น
งดอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีสีคล้ายเลือดเพื่อไม่ให้การวินิจฉัยคลาดเคลื่อน
รับประทานอาหารอ่อน
เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นเพื่อลดไข้เป็นระยะๆ
ควรดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำเกลือแร่เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
อาการ
ปวดท้องอย่างรุนแรง กดเจ็บชายโครงด้านขวา
หน้าแดง อาจพบจ้ำเลือดหรือจุดเลือดออกสีแดงเล็กๆ ตามผิวหนัง หรือมีเลือดออกบริเวณอื่น เช่น เลือดกำเดาไหล
คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
มีไข้สูงเฉียบพลันเกิน 38 องศาเซลเซียสประมาณ 2-7 วัน
สาเหตุ
การแพร่ระบาด
ยุงลายตัวเมียเป็นพาหะนำโรค เมื่อยุงลายดูดเลือดผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสเดงกี เชื้อจะเข้าไปฝังตัวภายในกระเพาะและต่อมน้ำลายของยุงโดยมีระยะฟักตัวประมาณ 8-12 วัน เมื่อยุงที่มีเชื้อไวรัสไปกัดคนอื่นๆ ต่อ เชื้อไวรัสก็จะเข้าสู่กระแสเลือดของผู้ที่โดนกัด ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกตามมา
เชื้อไวรัสเดงกี 4 สายพันธ์ุ
DENV-4
DENV-3
DENV-2
DENV-1
การป้องกัน
ฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกจากสายพันธุ์อื่น ในกรณีที่เคยเป็นไข้หวัดมาแล้ว
ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายบริเวณบ้านและใกล้เคียง
เปลี่ยนน้ำในภาชนะที่ปิดไม่ได้
ปิดฝาภาชนะที่มีน้ำขังไม่ให้ยุงเข้าไปวางไข่ได้
ป้องกันไม่ให้ยุงลายกัด
ใช้สารไล่ยุงชนิดต่างๆ
DEET
โดยสวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิด
ผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
ผู้ที่รับประทานยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroid)
ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
ผู้ป่วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
ผู้ที่มีโรคเม็ดเลือดแดงแตกง่าย หรือโรคที่เกิดจากฮีโมโกลบินผิดปกติ
ผู้หญิงที่อยู่ระหว่างมีประจำเดือนหรือมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
ผู้ที่มีแผลในกระเพาะอาหาร
หญิงตั้งครรภ์
เด็กทารกและผู้สูงอายุ
การวินิจฉัยโรค
ตรวจภูมิคุ้มกันต่อไข้เลือดออก (IgM) หรือตรวจ NS1 Ag ต่อเชื้อโดยตรง
ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC)เพื่อหาความผิดปกติของส่วนประกอบทั้งหมดของเลือด
ความเข้มข้นของเลือด
เกล็ดเลือด
เม็ดเลือดขาว
เม็ดเลือดแดง