การเขียนรายงานทางวิชาการ (Report Writing)

การสืบค้นสารสนเทศจากฐานข้อมูลบรรณานุกรมออนไลน์

por Wasita Saedarn

การหักภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 69 ทวิ

por montep phoojaraenwong

การเขียนรายงานวิชาการ

por thitirat yulek

การสืบค้นสาระสนเทศ และความรู้

por Suppavich Srisuksawat

การเขียนรายงานทางวิชาการ (Report Writing)

ประเภทของรายงาน

รายงานการวิจัย (Research)

เป็นรายงานผลของการค้นคว้าวิจัย ของอาจารย์ นักวิชาการ นักวิจัย ศึกษาค้นคว้าลักษณะเดียวกับการทำ วิทยานิพนธ์

วิทยานิพนธ์ (Thesis/Dissertation)

เป็นรายงานผลของการค้นคว้าวิจัย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาในระดับ บัณฑิตศึกษา

ปริญญาดุษฎีบัณฑิต (Dissertation)

ปริญญามหาบัณฑิต (Thesis)

ภาคนิพนธ์ (Term paper)

ใช้เวลา 1 ภาคการศึกษา

มีรายละเอียดลึกซึ้งมากกว่า

เช่นเดียวกับรายงาน

รายงานวิชาการ (Reports)

ทำเป็นกลุ่มหรือเป็นรายบุคคล

ผู้ทำอาจเลือกหัวข้อที่สนใจเอง หรือผู้สอนเป็นผู้กำหนดให้

ค้นคว้าเพิ่มเติ่มเพื่อเสริมเนื้อหาที่ เรียนในรายวิชาใดวิชาหนึ่ง

ศึกษาค้นคว้าและนำมาเรียบเรียง

ความหมาย

อาจจะเขียนขึ้นเพื่อประกอบการศึกษาค้นคว้า สำหรับวิชาใดวิชาหนึ่ง

สิ่งพิมพ์ที่เรียบเรียงขึ้นอย่างมีระบบระเบียบ จากการศึกษาค้นคว้า สำรวจ สัมภาษณ์ เป็นต้น

ขั้นตอนการทำรายงาน

เรียบเรียงและนำเสนอรายงาน

ประเมิน วิเคราะห์ และสังเคราะห์สารสนเทศ

สืบค้นสารสนเทศในระบบมือ / ใช้ IT เป็นเครื่องมือ

เลือกแหล่งและทรัพยากรสารสนเทศ

คิดคำสำคัญ/คำค้น

วางโครงร่างของเนื้อหา

กำหนดชื่อเรื่อง

ขั้นตอนการเขียนรายงาน

10.เขียนรายงานฉบับสมบูรณ์

9.เขียนรายการอ้างอิง/บรรณานุกรม

8.เรียบเรียงรายงาน

7.จัดทำโครงเรื่องครั้งสุดท้าย

6.ใช้สารสนเทศจากแหล่งต่างๆ

5.อ่านและจดบันทึก

4.รวบรวมบรรณานุกรม

3.จัดทำเค้าโครงรายงาน

2.อ่านข้อมูลของเนื้อหา

1.เลือกและกำหนดหัวข้อ

ประโยชน์ของการทำรายงาน

เพิ่มพูนทักษะในการเขียนรายงานทางวิชาการ

เกิดการรู้จักใช้ความคิดอย่างมีเหตุผล และสร้างทักษะในการแก้ไขปัญหา

ทราบข้อมูลที่แท้จริง รวมทั้งข้อบกพร่อง

มีพัฒนาการทางวิชาการในสาขาวิชาต่างๆ

เกิดองค์ความรู้ใหม่ และข้อเท็จจริงใหม่ๆ

ส่วนประกอบของรายงาน

ปกหลัง

ใบรองปกหลัง

ภาคผนวก (Appendix)

ไม่จำเป็นต้องมีในรายงานทุกฉบับ ส่วนใหญ่จะแนบตัวอย่างต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการทำรายงานนั้น

code หรือขั้นตอนต่างๆในการทำ project

ตัวอย่างแบบสอบถาม/แบบสำรวจ/แบบสัมภาษณ์ หรือแบบฟอร์มต่างๆ เป็นต้น

ตัวอย่างแบบฝึกหัด

บรรณานุกรม/เอกสารอ้างอิง (Bibliography/Reference)

เรียงตามตัวอักษร ก-ฮ หรือ A-Z และภาษาไทยจะขึ้นก่อน

รายชื่อเอกสารดังกล่าวอาจมาจาก

Internet --- ในเรื่องที่เกี่ยวข้อง

ฐานข้อมูล (Databases)

หนังสือ (books)

บทความ (Article)

เป็นรายชื่อเอกสารที่นำมาเขียน รายงานทั้งหมด

เนื้อหา (Content)

ตรวจสอบคำผิด, ขนาด, รูปแบบตัวอักษร

แบ่งย่อหน้าให้เหมาะสม

การขึ้นหัวข้อใหม่ควรทำหัวข้อให้ชัดเจน แตกต่าง จากหัวข้อย่อยอื่นๆ

แต่ละบทควรมีโครงเรื่องและโดยการลำดับ หัวข้อที่ชัดเจน

ข้อสังเกต

หน้าแรกของทุกบทจะไม่ปรากฏเลขหน้า

ประกอบด้วย

บทสรุปในแต่ละหัวข้อ

เรื่องที่นำมาประยุกต์ใช้

โครงสร้าง/การทำงาน

องค์ประกอบ/ส่วนประกอบ

ประวัติความเป็นมา หรือ ภูมิหลัง

ความหมาย หรือนิยาม

สารบัญ/สารบาญ (Table of Content)

สารบัญตาราง

ทำเช่นเดียวกับสารบัญภาพ

สารบัญภาพ

จะนับภาพแรกต่อเนื่องถึง ภาพสุดท้าย

บอกภาพทุกภาพที่ปรากฎ ว่าอยู่หน้า ไหนบ้าง

สารบัญเนื้อหา

มีหัวข้อหลักๆ/ที่สำคัญๆ ปรากฏด้วย

เริ่มนับตั้งแต่หน้าแรกของเนื้อหา

การเขียนรายงานทางวิชาการ (Report Writing)

การสืบค้นสารสนเทศจากฐานข้อมูลบรรณานุกรมออนไลน์

การหักภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 69 ทวิ

การเขียนรายงานวิชาการ

การสืบค้นสาระสนเทศ และความรู้

การเขียนรายงานทางวิชาการ (Report Writing)

ประเภทของรายงาน

รายงานการวิจัย (Research)

วิทยานิพนธ์ (Thesis/Dissertation)

เป็นรายงานผลของการค้นคว้าวิจัย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาในระดับ บัณฑิตศึกษา

ภาคนิพนธ์ (Term paper)

ใช้เวลา 1 ภาคการศึกษา

มีรายละเอียดลึกซึ้งมากกว่า

เช่นเดียวกับรายงาน

รายงานวิชาการ (Reports)

ทำเป็นกลุ่มหรือเป็นรายบุคคล

ผู้ทำอาจเลือกหัวข้อที่สนใจเอง หรือผู้สอนเป็นผู้กำหนดให้

ค้นคว้าเพิ่มเติ่มเพื่อเสริมเนื้อหาที่ เรียนในรายวิชาใดวิชาหนึ่ง

ศึกษาค้นคว้าและนำมาเรียบเรียง

ความหมาย

อาจจะเขียนขึ้นเพื่อประกอบการศึกษาค้นคว้า สำหรับวิชาใดวิชาหนึ่ง

สิ่งพิมพ์ที่เรียบเรียงขึ้นอย่างมีระบบระเบียบ จากการศึกษาค้นคว้า สำรวจ สัมภาษณ์ เป็นต้น

ขั้นตอนการทำรายงาน

เรียบเรียงและนำเสนอรายงาน

ประเมิน วิเคราะห์ และสังเคราะห์สารสนเทศ

สืบค้นสารสนเทศในระบบมือ / ใช้ IT เป็นเครื่องมือ

เลือกแหล่งและทรัพยากรสารสนเทศ

คิดคำสำคัญ/คำค้น

วางโครงร่างของเนื้อหา

กำหนดชื่อเรื่อง

ขั้นตอนการเขียนรายงาน

10.เขียนรายงานฉบับสมบูรณ์

9.เขียนรายการอ้างอิง/บรรณานุกรม

8.เรียบเรียงรายงาน

7.จัดทำโครงเรื่องครั้งสุดท้าย

6.ใช้สารสนเทศจากแหล่งต่างๆ

5.อ่านและจดบันทึก

4.รวบรวมบรรณานุกรม

3.จัดทำเค้าโครงรายงาน

2.อ่านข้อมูลของเนื้อหา

1.เลือกและกำหนดหัวข้อ

ประโยชน์ของการทำรายงาน

เพิ่มพูนทักษะในการเขียนรายงานทางวิชาการ

เกิดการรู้จักใช้ความคิดอย่างมีเหตุผล และสร้างทักษะในการแก้ไขปัญหา

ทราบข้อมูลที่แท้จริง รวมทั้งข้อบกพร่อง

มีพัฒนาการทางวิชาการในสาขาวิชาต่างๆ

เกิดองค์ความรู้ใหม่ และข้อเท็จจริงใหม่ๆ

ส่วนประกอบของรายงาน

ปกหลัง

ใบรองปกหลัง

ภาคผนวก (Appendix)

ไม่จำเป็นต้องมีในรายงานทุกฉบับ ส่วนใหญ่จะแนบตัวอย่างต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการทำรายงานนั้น

บรรณานุกรม/เอกสารอ้างอิง (Bibliography/Reference)

เรียงตามตัวอักษร ก-ฮ หรือ A-Z และภาษาไทยจะขึ้นก่อน

รายชื่อเอกสารดังกล่าวอาจมาจาก

เป็นรายชื่อเอกสารที่นำมาเขียน รายงานทั้งหมด

เนื้อหา (Content)

ตรวจสอบคำผิด, ขนาด, รูปแบบตัวอักษร

แบ่งย่อหน้าให้เหมาะสม

การขึ้นหัวข้อใหม่ควรทำหัวข้อให้ชัดเจน แตกต่าง จากหัวข้อย่อยอื่นๆ

แต่ละบทควรมีโครงเรื่องและโดยการลำดับ หัวข้อที่ชัดเจน

ข้อสังเกต

ประกอบด้วย

สารบัญ/สารบาญ (Table of Content)

สารบัญตาราง

สารบัญภาพ

สารบัญเนื้อหา

กิตติกรรมประกาศ (Acknowledgement)

ส่วนใหญ่พบในรายงาน การวิจัย/วิทยานิพนธ์

เป็นหน้าที่ใช้กล่าวขอบคุณ ผู้ที่ให้การสนับสนุน ตลอดจนผู้ที่ เป็นกำลังใจในการทำรายงาน

คำนำ (Preface)

ในตอนท้ายจะลงชื่อผู้จัดทำ และวันที่ที่เขียนคำนำ

มี 2 ย่อหน้า (ย่อหน้า 2 จะกล่าวความคาดหวัง)

อาจจะบอกเนื้อหาอย่างคร่าวๆ

บอกขอบเขตและวัตถุประสงค์

หน้าปกใน

ใบรองปก

หน้าปก (Cover)

ปีการศึกษาที่ทำ

ชื่อสถาบันการศึกษา