カテゴリー 全て - สินค้า - ภาษี - บริการ

によって ณัฐณิชา วัชระสวัสดิ์ 3年前.

256

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax) หรือเรียกย่อๆ ว่า แวต(VAT) คือภาษีที่เรียกเก็บจากผู้ขายสินค้า ผู้ผลิต�

ภาษีมูลค่าเพิ่มหรือแวต (VAT) เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากผู้ขายสินค้า ผู้ผลิตสินค้าและผู้ให้บริการในส่วนที่เพิ่มขึ้น มีสองอัตราคือร้อยละ 0 และร้อยละ 7 อัตราร้อยละ 0 จะใช้กับการส่งออกสินค้าตามกฎหมาย การให้บริการขนส่งระหว่างประเทศโดยผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย การขายสินค้าหรือการให้บริการให้กับส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามโครงการเงินกู้หรือเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ การขายสินค้าหรือการให้บริการกับองค์การสหประชาชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการขายสินค้าหรือการให้บริการระหว่างคลังสินค้าทัณฑ์บนหรือเขตอุตสาหกรรมส่งออก ส่วนอัตราร้อยละ 7 จะใช้กับการขายสินค้าหรือบริการทุกประเภทที่ไม่อยู่ในข่ายยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม นอกจากนี้ยังมีใบกำกับภาษีสองประเภทคือใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปและใบกำกับภาษีอย่างย่อย ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปจะออกโดยผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและต้องมีรายการครบถ้วนตามที่กรมสรรพากรกำหนด ส่วนใบกำกับภาษีอย่างย่อยจะออกโดยผู้ประกอบการที่จำหน่ายสินค้าในลักษณะขายปลีกให้บริการรายย่อยแก่บุคคลจำนวนมาก

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax) หรือเรียกย่อๆ ว่า แวต(VAT) คือภาษีที่เรียกเก็บจากผู้ขายสินค้า ผู้ผลิต�

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax) หรือเรียกย่อๆ ว่า แวต(VAT) คือภาษีที่เรียกเก็บจากผู้ขายสินค้า ผู้ผลิตสินค้าและผู้ให้บริการในส่วนที่เพิ่มขึ้น

อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม

2.ร้อยละ 0 เป็นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้าหรือบริการสำหรับการประกอบการดังต่อไปนี้ 2.1 การส่งออกสินค้าตามมาตรา 81 (3) และตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.33/2536 ลงวันที่ 24 มิถุยน 2536 2.2 การให้บริการขนส่งระหว่างประเทศโดยอากาศยานหรือเรือเดินทะเลที่กระทำ โดยผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย 2.3 การขายสินค้าหรือการให้บริการส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ตามโครงการเงินกู้หรือเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ 2.4 การขายสินค้าหรือการให้บริการกับองค์การสหประชาชาติ ทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ สถานอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ สถานกงสุล ตามที่อธิบดีกำหนด 2.5 การขายสินค้าหรือการให้บริการระหว่างคลังสินค้าทัณฑ์บนด้วยกันหรือระหว่างผู้ประกอบการที่ประกอบการอยู่ในเขตอุตสาหกรรมส่งออก รวมทั้งการขายสินค้าหรือให้บริการระหว่างคลังสินค้าทัณฑ์กับผู้ประกอบกิจการอยู่ในเขตอุตสาหกรรมส่งออก
1.ร้อยละ 7 เป็นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้าหรือบริการทุกประเภท รวมทั้งการนำเข้า ซึ่งไม่อยู่ในข่ายยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฏากร อัตรานี้ได้รวมภาษีท้องถิ่นแล้ว(อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับประเทศไทยเดิมใช้อัตราร้อยละ 10 ปัจจุบันอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มลดลงเหลือร้อยละ 7 เป็นการชั่วคราว

หน้าที่ของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

1.เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ และออกใบกำกับภาษีเพื่อเป็นหลักฐานในการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 2.จัดทำรายงานตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งได้แก่ 2.1 รายงานภาษีซื้อ 2.2 รายงานภาษีขาย 2.3 รายงานสินค้าและวัตถุดิบ 3.ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีตามแบบ ภ.พ.30

ผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

1.ผู้ประกอบที่มีรายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการไม่เกิน 1.8 ล้านบาท/ปี 2.ผู้ประกอบการที่ขายสินค้าหรือให้บริการที่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย 3.ผู้ประกอบการที่ให้บริการจากต่างประเทศ และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร 4.ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรและเข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นครั้งคราว

2.ภาษีขาย (Output Tax) คือภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการขายวัตถุดิบ/สินค้าและบริการต่างๆ ของกิจการที่จดทะเบียนเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม

การคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม

1.กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 ให้คำนวณภาษีซื้อและภาษีขายประจำเดือน โดยดูจากบัญชีภาษีซื้อและภาษีขายหรือจากรายงานภาษีซื้อและภาษีขายและหาผลต่าง 2.กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ให้คำนวณภาษีขายในอัตราร้อยละ 0 ซึ่งจะมีผลทำให้ภาษีขายเท่ากับ 0 และคำนวณภาษีซื้อในอัตราร้อยละ 7 ดังนั้นภาษีซื้อจะมียอดมากกว่าภาษีขาย ซึ่งมีผลทำให้ผู้ประกอบการได้รับคืนภาษี

สถานที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

1.กรณีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่น ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่หรือสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาประกอบการตั้งอยู่ 2.กรณีสถานประกอบการตั้งอยู่นอกเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่น ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา(อำเภอ) ในเขตท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ 3.กรณีสถานประกอบการที่อยู่ในความกำกับดูแลของสำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ให้ยื่น ณ สำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ หรือจะยื่นผ่านสำนักงานสรรพากรพื้นที่ หรือสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาที่ประกอบการตั้งอยู่ก็ได้

ใบกำกับภาษี

เอกสารที่ถือเป็นใบกำกับภาษี 1.ใบเพิ่มหนี้ 2.ใบลดหนี้ 3.ใบเสร็จรับเงินที่ส่วนราชการออกให้ในการขายทอดตลาด 4.ใบเสร็จรับเงินของกรมสรรพากร กรมศุลกากร หรือกรมสรรพสามิต เฉพาะส่วนที่เป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม
2.ใบกำกับภาษีอย่างย่อย (Abbreviation Tax Invoice) หรือเรียกย่อๆว่า ABB Tax Invoice คือใบกำกับภาษีที่ออกโดยผู้ประกอบการที่จำหน่ายสินค้าในลักษณะขายปลีกให้บริการรายย่อยแก่บุคคลจำนวนมาก ใบกำกับภาษีอย่างย่อยนี้อาจจะออกด้วยมือหรือออกด้วยเครื่องบันทึกเงินสด ใบกำกับภาษีแบบนี้ใช้เป็นหลักฐานในการชำระหรือเรียกคืนภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ได้ ดังนั้นผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการต้องแจ้งความประสงค์ต้องการใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป
1.ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป (Tax Invoice) คือเอกสารหลักฐานสำคัญที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ออกให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ ใบกำกับภาษีแบบนี้ต้องมีรายการครบถ้วนตามที่กรมสรรพากรกำหนด (มาตรา 86/4) และใช้เป็นหลักฐานในการชำระหรือเรียกคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

1.ภาษีซื้อ (Input Tax) คือภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจาการซื้อวัตถุดิบ/สินค้า/สินทรัพย์และบริการต่างๆ จากกิจการที่จดทะเบียนเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม