Categories: All - จรรยาบรรณ - ประเภท - ประโยชน์ - ขั้นตอน

by Natagaan Yaanoh 3 years ago

670

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับงานวิจัย

งานวิจัยเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยในการค้นหาความรู้ใหม่ๆ ที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ผ่านวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน ทั้งในเชิงทฤษฎีและปฏิบัติ นักวิจัยจะได้รับความรู้ที่กว้างขวางและลึกซึ้งมากขึ้น รวมถึงยังช่วยพัฒนาสังคมในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการอธิบายและแก้ไขปัญหา หรือการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น นักวิจัยควรมีจรรยาบรรณที่ดี มีความรับผิดชอบ ยอมรับในสิทธิส่วนบุคคล ซื่อสัตย์ และมีจิตสำนึกที่ดี นอกจากนี้ นักวิจัยควรมีคุณสมบัติที่เหมาะสม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ ขั้นตอนการวิจัยเริ่มจากการกำหนดปัญหา ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง เก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผลการวิจัย ประเภทของงานวิจัยสามารถจำแนกได้หลายวิธี เช่น ตามลักษณะของข้อมูล จุดมุ่งหมาย และระเบียบวิจัย

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับงานวิจัย

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับงานวิจัย

คุณสมบัติของนักวิจัย

3.ด้านเจตคติหรือจิตพิสัย
2.ด้านความสามารถหรือทักษะพิสัย
1.ด้านความรู้หรือพุทธิพิสัย

จรรยาบรรณของนักวิจัย

5.การยอมรับในสิทธิส่วนบุคคลของผู้ให้ข้อมูล
4.มีความรับผิดชอบ
3.การมีจิตสำนึก
2.การมีความซื่อสัตย์
1.มีความเชื่อในหลักวิทยาศาสตร์

ประเภทของงานวิจัย

3.การจำแนกประเภทตามระเบียบวิจัย
3.3 การวิจัยเชิงทดลอง

การวิจัยกึ่งทดลอง

การวิจัยเชิงทดลองแท้

3.2 การวิจัยเชิงบรรยายหรทอเชิงพรรณา
3.1การวิจัยเชิงประวัติศาสตร์
2.การจำแนกประเภทตามจุดมุ่งหมายของงานวิจัย
2.2 การวิจัยประยกต์
2.1 การวิจัยพื้นฐานหรือการวิจัยบริสุทธิ์
1.การจำแนกประเภทตามลักษณะของข้อมูล
1.2 การวิจัยเชิงปริมาณ
1.1 การวิจัยเชิงคุณภาพ หรือวิจัยเชิงคุณลักษณะ

ขั้นตอนของงานวิจัย

5.การสรุปผลการวิจัย
4.การวิเคราะห์ข้อมูล
3.การเก็บรวบรวมข้อมูล
2.การศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
1.การเลือกและกำหนดปัญหา

พัฒนาการของวิธีการแสวงหาความรู้

3.การแสวงหาความรู้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์
3.5 ขั้นสรุปผล เป็นการสรุปจากการที่ได้วิเคราะห์และการตีความข้อมูล ซึ่งจะทำให้ได้คำตอบของปัญหาที่ศึกษา เพื่อนำไปใช้เป้นประโยชน์ต่อไป
3.4 ขั้นวิเคราะห์และตีความข้อมูล เป็นการแยกแยะและแปรผลข้อมูล นำมาพิจารณาตรวจสอบว่าสมมุติฐานที่ตั้งไว้เป็นไปตามแผนหรือไม่
3.3 ขั้นเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นการเก็บรวบรวมข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับปัณหาศึกษาที่เกิดขึ้นด้วยวิธีการต่างๆเช่น การสอบถาม ทดลอง สังเกต การสัมภาษณ์
3.2 ขั้นตั้งสมมุติฐาน เป็นการคาดคะเน ความน่าจะเป็นของคำตอบของปัญหาไว้ล่วงหน้า
3.1 ขั้นระบุปัญหาหรือกำหนดปัญหา เป็นการตระหนักว่ามีปัญหา และมีความต้องการที่จะแก้ปัญหา
2.การแสวงหาความรู้ด้วยระบบเหตุผล (Syllogism)
2.3 วิธีอนุมาน - อุปมาน คือการศึกษาค้นคว้าใดๆก็ตามควรใช้วิธีการแสวงหาความรู้ทั้งวิธีอนุมานและอุปมานร่วมกัน เพื่อลดข้อบกพร่องในการใช้วิธีเฉพาะวิธีใดวิธีหนึ่ง
2.2 วิธีอุปมาน หรืออุปนัย เป็นการคิดด้วยเหตุผลที่เริ่มขึ้น การคิดวิธีอุปมานทีความแตกต่างกับการคิดวิธีอนุมาน
2.1 วิธีอนุมาน หรือ นิรนัย เป็นการใช้เหตุผลซึ่งประกอบด้วยกฎเกณฑ์หรือข้อความ
1.การแสวงหาความรู้อย่างไม่มีแบบแผน
1.6การได้รับความรู้จากประสบการณ์ของตนเอง(Personal Experience )
1.5การได้รับความรู้จากประเพณีและวัฒนธรรม(Tradition and Culture)
1.4การได้รับความรู้จากผู้เชี่ยวชาญหรือนักปราชญ์ (Expert or Wiseman)
1.3การได้รับความรู้จากผู้รู้ (Authory) ผู้รู้คือผู้ที่มีความรู้ สติปัญญา ซึ่งเป็นที่ยอมรับ
1.2การได้รับความรู้โดยการลองผิดลองถูก (Trial and Error) เป็นการแสวงหาความรู้โดยการเดา
1.1การได้รับความรู้โดยบังเอิญ (By Chance) เป็นการได้รับความรู้ไม่ได้ตั้งใจ ไ่ม่ได้คาดคิดมาก่อน

ประโยชน์ของงานวิจัย

ประโยชน์ต่อผู้วิจัย
ช่วยให้นักวิจัยได้รับความรู้ใหม่ๆมากขึ้น กว้างขึ้นและลึกซึ้งมากขึ้น ทำให้นักวิจัยเป็นผู้รอบรู้ ทันสมัยทางวิขาการอยู่เสมอ
ประโยชน์ต่อสังคม
เป็นความเจริญทางวิทยาการทั้งด้านทฤษฎีและปฏิบัติ สามารถอธิบาย แก้ปัญหา และพัฒนาปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ความเป็นอยู่ของสังคมให้ดียิ่งขึ้น

จุดมุ่งหมาย

2.เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในหลายๆด้าน
1.เพื่อให้ได้ความรู้ใหม่หรือเพื่อสร้างสรรค์ความรู้ใหม่ เพื่อสร้างทฤษฎีหรือกฎเกณฑ์ใหม่ซึ่งเป็นการขยายขอบเขตของความรู้ให้กว้างยิ่งขึ้น

ความหมาย

วิจัย คือ กระบวนการเสาะแสวงหาความรู้ที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ได้ความรู้ไปประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์