การเก็บข้อมูลและความรู้
4. วิทยานิพนธ์ (วิทยานิพนธ์ / วิทยานิพนธ์)
เป็นรายงานผลของการค้นคว้าวิจัย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาในระดับปริญญามหาบัณฑิต หรือปริญญาดุษฎีบัณฑิต โดที่ผู้เรียนจะต้องเลือกหัวข้อเรื่องที่ทำด้วยตนเอง และผู้เรียนจะต้องทำการค้นคว้าอย่างละเอียดลึกซึ้ง มีการกำหนดวัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า
3.ภาคนิพนธ์ (Term paper)
มีลักษณะเช่นเดียวกับรายงาน เพียงแต่เรื่องที่ผู้ทำภาคนิพนธ์มีรายละเอียดลึกซึ้งมากกว่า ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้ามากกว่าเช่นใช้เวลา 1 ภาคการศึกษา
2. การวิจัย (Research)
หมายถึง การสำรวจ ตรวจหา เพื่อหาคำตอบในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างมีระบบและแบบแผนตามขึ้นตอนและระเบียบวิธีวิจัย
1.การศึกษาค้นคว้า
หมายถึง การหาข้อมูลหรือการหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อหาคำตอบจากปัญหาหนึ่งโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ได้รับความรู้ในเรื่องนั้นๆ การศึกษาค้นคว้าจึงเป็นการแสวงหาสารสนเทศและความรู้
5.รายงาย (Report)
5.3 ขั้นตอนการเขียนรายงาน
การเขียนรายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Writing)
การเขียนรายการอ้างอิงและบรรณานุกรม (Write the Reference and Bibliography)
การเรียบเรียงรายงาน (Writing and revising)
การจัดทำโครงเรื่องครั้งสุดท้าย (The final outline)
การใช้สารสนเทศจากแหล่งต่างๆ (Using sources of Information)
การอ่านและจดบันทึก (Reading and Notes)
รวบรวมบรรณานุกรม (The working bibliography)
การจัดทำเค้าโครงรายงาน (the Preliminary Outline)
อ่านข้อมูลของเนื้อหาวิชาเพื่อเป็นพื้นความรู้ (Reading for Background) และกำหนดวัตถุประสงค์ของการทำรายงาน (Report objectives)
เลือกและกำหนดหัวข้อการทำรายงาน (Choose the topics)
5.2. ส่วนประกอบของรายงาน
5.2.3 ส่วนอ้างอิง (Citation)
5.2.3.2ภาคผนวก (Appendixes) ภาคผนวกเป็นส่วนที่ให้รายละเอียดเพิ่มเติมช่วยให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจชัดเจนขึ้น เช่น แบบสอบถามหรือแบบสัมภาษณ์ที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ตัวอย่างการใช้งานในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เป็นต้น หน้าแรกของภาคผนวกให้ขึ้นหน้าใหม่
5.2.3.1 บรรณานุกรม หรือ เอกสารอ้างอิง (References) จะอยู่ต่อจากส่วนเนื้อหาและก่อนภาคผนวก คือส่วนที่รวบรวมรายชื่อหนังสือ สิ่งพิมพ์อื่นๆ โสตทัศนวัสดุ ตลอดจนวิธีการที่ได้ข้อมูลมาเพื่อประกอบการเขียนรายงานเรื่องนั้นๆ กำหนดให้ใช้คำว่า “บรรณานุกรม” หรือ “เอกสารอ้างอิง”
5.2.2 ส่วนเนื้อเรื่อง (Body of contents)
5.2.2.3สรุป (Conclusion) คือ ส่วนที่เขียนย้ำ หรือนำเสนอประเด็นสำคัญของเนื้อเรื่อง ส่วนสรุปนี้ จะอยู่ในย่อหน้าสุดท้ายของเนื้อเรื่อง
5.2.2.2เนื้อเรื่อง (Content) คือ ส่วนที่เสนอเรื่องราวสาระทั้งหมดของรายงานตามลำดับของหัวข้อที่ระบุไว้ในหน้าของสารบัญ ในการนำเสนอเนื้อเรื่อง ต้องไม่ใช่เป็นการคัดลอกข้อความจากเอกสารต้นเรื่องที่อ่านมาทุกประโยคทุกตอน
5.2.2.1 บทนำ (Introduction) ต่างจากคำนำ คือการเขียนบทนำ จะต้องอธิบายเนื้อหาอย่างกว้างๆ เป็นการนำผู้อ่านเข้าสู่ เนื้อเรื่อง หรือเนื้อหาของรายงานให้ผู้อ่านเข้าใจในเบื้องต้น
5.2.1 ส่วนนำ
5.2.2.5สารบัญ หรือสารบาญ (Table of contents) คือส่วนที่อยู่ต่อจากหน้าคำนำ ในหน้าสารบัญ จะมีลักษณะคล้ายโครงเรื่องของรายงานทำให้ผู้อ่านได้ทราบว่า ขอบเขต เนื้อหา ของรายงานคลอบคลุมเรื่องใดบ้าง
5.2.2.4คำนำ (Preface) คือส่วนที่อยู่ถัดจากหน้าปกใน ผู้เขียนรายงานเป็นผู้เขียนเอง โดยกล่าวถึงวัตถุประสงค์และขอบเขตของรายงาน ตลอดจนคำขอบคุณผู้ที่ให้ความช่วยเหลือในการรวบรวมข้อมูล หรือการเขียนรายงาน
5.2.2.3กิตติกรรมประกาศ (Acknowledgement) เป็นข้อความแสดงความขอบคุณผู้ช่วยเหลือ สนับสนุนและให้ความร่วมมือในการค้นคว้าเพื่อทำรายงาน แสดงถึงจรรยาบรรณทางวิชาการที่ผู้ทำรายงานทางวิชาการควรถือปฏิบัติ
5.2.2.2หน้าปกใน (Title page) คือส่วนที่อยู่ต่อจากหน้าปกนอก นิยมเขียนเหมือนปกนอก
5.2.2.1ปกนอก (Cover) คือ ส่วนที่เป็นปกหุ้มรายงานทั้งหมดมีทั้งปกหน้าและปกหลัง
5.1 ประโยชน์ของการทำรายงาน
5.เพิ่มพูนทักษะในการเขียนรายงานทางวิชาการ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการสร้างสรรค์ผลงานวิชาการอื่นๆ
4.ทำให้เกิดการรู้จักใช้ความคิดอย่างมีเหตุผล และสร้างทักษะในการแก้ไขปัญหา
3.ช่วยให้ทราบข้อมูลที่แท้จริง รวมทั้งข้อบกพร่อง เพื่อนำมาใช้แก้ปัญหาหรือนำมาใช้พัฒนาการปฏิบัติงาน
2.ทำให้มีพัฒนาการทางวิชาการในสาขาวิชาต่างๆ
1.ทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ และข้อเท็จจริงใหม่ๆทั้งในด้านทฤษฎีและปฏิบัติ