Introduction to immunology

Mer som dette

cell

Ved Maneechat Hamhranvibul

อุทกภัย (Flood)

Ved Chanakan Songna

การดูแลสุขวิทยาส่วนบุคคล

Ved Kanraya Boonpo

วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์

Ved Nanticha Poophonmuang

Introduction to immunology

Introduction to immunology and Cells and organs of the immune system



Innate immunity

มี Phagocytic cells และ NK cells ทำหน้าที่ทำลายสิ่งแปลกปลอม

มีBarrierทั้งทางกายภาพ ชีวภาพ เคมีผิวหนัง เยื่อบุต่างๆและสารน้ำ

เป็นด่านแรกที่ต่อต้านจุลชีพและสิ่งแปลก

การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

BและT Lymphocyte จะมี BCR หรือ TCR อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นเรียกว่าโคลน

TและB cell receptor แต่ละสายโปรตีนประกอบด้วยกรดอะมิโนที่ต่างกัน

ระบบภูมิคุ้มกันทั้งสองต้องอาศัยรีเซฟเตอร์

Innate และ Adaptive ทำงานร่วมกันไม่สามารถแยกออกจากกันได้

แยกว่าอันไหนเป็นสิ่งแปลกปลอมและอันไหนเป็นของร่างกาย Safe and Non-Safe discrimination

วิวัฒนาการของระบบภูมิคุ้มกัน

ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจะมีการสร้างแอนติเจนขึ้นภายในเดือนที่5 แต่จะไม่ตอบสนองต่อแอนติเจนภายนอก

ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจะมีการสร้างอวัยวะในระบบภูมิคุ้มกันขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ที่4หลังปฏิสนธิ

ในสัตว์ที่วิวัฒนาการสูงขึ้นจะพบว่ามีต่อมไทมัสและม้าม และพบการสร้างแอนติบอดี้

ในสัตว์ต้นสายวิวัฒนาการ สามารถแยกสิ่งแปลกปลอมได้แต่ความหลากหลายและความซับซ้อนจะน้อยกว่าสัตว์ที่มีวิวัฒนาการสูง

Adaptive Immunity

มีความหลากหลายและมีการปรับเปลี่ยนการตอบสนองไปตามชนิดของแอนติเจน

มีความจำเพาะและมีการจดจำ

ไม่ทำปฏิกิริยากับแอนติเจนของตัวเอง

ประกอบด้วย T และ B Lymphocytes และสารน้ำ

หน้าที่ของระบบภูมิคุ้มกัน

ทำลายเซลล์ที่หมดอายุหรือเสื่อมสภาพ Homeostasis

ตรวจตราเซลล์ที่ผิดปกติในร่างกาย Surveillance

ป้องกันร่างกายจากสิ่งแปลกปลอม Defense

องค์ประกอบของระบบภูมิคุ้มกัน

อวัยวะ Organs

เนื้อเยื่อ Lymphoid tissue

สารน้ำ Humoral substance

เซลล์ Immune cells

ด่านป้องกัน Barrier

ประวัติ

แพทย์ชาวอังกฤษ เอดเวิร์ด เจนเนอร์ ค้นพบ การปลูกฝี(Vaccination) ในปี 1978

แพทย์ชาวจีนค้นพบวิธี Variolation ในปี 1718

Thucydides ค้นพบว่าคนที่หายจากโรคที่เกิดจากพลาคจะไม่เป็นโคนั้นอีก

คำว่า immunitas และ immunis ในภาษาละติน แปลว่า การยกเว้น