Report Writing การเขียนรายงาน

Mer som dette

การสืบค้นสารสนเทศและรู้

Ved Aueamporn Petsuk

RERORT WRITING

Ved Areeya Thungthong

ระยะติดตามผล

Ved Bulun supong

การเขียนรายงานเชิงวิชาการ

Ved Nattida Jumpa

Report Writing การเขียนรายงาน

เป็นรายงานผลของการค้นคว้าวิจัย ซึ่ง เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาในระดับ บัณฑิตศึกษา

เป็นรายงานผลของการค้นคว้าวิจัย ของอาจารย์นักวิชาการ นักวิจัย เป็น การศึกษาค้นคว้าลักษณะ เดียวกับการทำวิทยานิพนธ์

กิตติกรรมประกาศ (acknowledgement)

ส่วนใหญ่พบในรายงาน การวิจัย/วิทยานิพนธ์

เป็นหน้าที่ใช้กล่าวขอบคุณ ผู้ที่ให้การสนับสนุน ผู้ที่ให้ ข้อมูลต่างๆ

คำนำ (Preface)

ในตอนท้าย จะลงชื่อ ผู้จัดทำและ วันที่เขียน คำนำ

ส่วนใหญ่มี 2 ย่อหน้า

อาจจะบอก เนื้อหา (เป็น ตอน/บท) อย่างคร่าวๆ

บอกขอบเขต และ วัตถุประสงค์ ของการจัดทำ

เนื้อหา(Content)

แบ่งย่อหน้าให้เหมาะสม

แต่ละบทควรมีโครงเรื่องและโดยการลำดับหัวข้อที่ชัดเจน

ส่วนประกอบของรายงาน

ปกหลัง

ใบรอง ปกหลัง

ภาค ผนวก

บรรณา นุกรม

เนื้อหา

สารบัญ

คำนำ

ใบรอง ปก

หน้าปก ใน

หน้าปก (Cover)

ปีการศึกษา ที่ทำ

ชื่อสถาบัน การศึกษา

ชื่อสำนัก วิชา

ชื่อวิชา

ชื่อ-นามสกุล และเลขรหัส

ชื่อของ รายงาน

ใช้เวลา 1 ภาคการศึกษา

มีรายละเอียดลึกซึ้งมากกว่า

มีลักษณะเช่นเดียวกับรายงาน

ชั้นตอนการทำรายงาน

• เรียบเรียงและนำเสนอรายงาน

ประเมิน วิเคราะห์ และสังเคราะห์สารสนเทศ

สืบค้นสารสนเทศในระบบมือ / ใช้ IT เป็นเครื่องมือ

เลือกแหล่งและทรัพยากรสารสนเทศ

คิดคำสำคัญ / คำค้น

วางโครงร่างเนื่อหา

กำหนดชื่อเรื่อ

ภาคผนวก (Appendix)

ไม่จำเป็นต้องมีในรายงานทุกฉบับ

บรรณานุกรม/เอกสารอ้างอิง(bibliography/reference)

เรียงตามตัวอักษร ก-ฮ หรือ A-Z (ภาษาไทยจะเรียง ก่อนภาษาอังกฤษ)

เป็นรายชื่อเอกสารที่นำมาเขียนรายงานทั้งหมด

ผู้ทำรายงานอาจเลือกหัวข้อที่สนใจเอง หรือผู้สอนเป็นผู้กำหนดให

ทำเป็นกลุ่มหรือเป็นรายบุคคล

ศึกษาค้นคว้าและนำมาเรียบเรียง อย่างมีระเบียบ

ประเภทของรายงาน

รายงานการวิจัย (Research)

วิทยานิพนธ์(Thesis/Dissertation)

ภาคนิพนธ์(Term paper)

รายงานวิชาการ (Reports)

สารบัญ/สารบาญ (Table of Content) opic

ทำเช่นเดียวกับ สารบัญภาพ

บอกภาพทุกภาพที่ ปรากฏในรายงานว่าอยู่ หน้าไหนบ้าง

มีหัวข้อหลักๆ/ที่ สำคัญๆ ของแต่ละบท ปรากฎด้วย

ประโยชน์ของการทำรายงาน

ช่วยให้ทราบข้อมูลที่แท้จริง รวมทั้ง ข้อบกพร่อง

ทำให้มีพัฒนาการทางวิชาการในสาขาวิชาต่างๆ

ทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ และข้อเท็จจริงใหม่ๆ