作者:มาเรียม อูมา 4 年以前
2433
วิธีสอนแบบแก้ปัญหา
(Problem Solving Method)
การสอนที่มีประสิทธิภาพประกอบด้วยหลายขั้นตอนสำคัญ เริ่มด้วยการกำหนดปัญหาจากประสบการณ์หรือความสนใจของผู้เรียนโดยการตั้งคำถามหรือสร้างสถานการณ์ให้เกิดข้อสงสัย จากนั้นผู้เรียนจะต้องเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น ห้องสมุด อินเทอร์เน็ต หรือการทดลอง และใช้วิธีการจดบันทึกอย่างเป็นระบบเพื่อทดสอบสมมติฐาน การตั้งสมมติฐานเป็นขั้นตอนที่ใช้ความรู้และประสบการณ์ในการคาดคะเนคำตอบและแยกปัญหาใหญ่เป็นปัญหาย่อย ขั้นต่อไปคือการวิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาเพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือและทดสอบสมมติฐาน เมื่อได้ข้อสรุปแล้วผู้เรียนควรนำมาพิจารณาตรวจสอบอีกครั้งเพื่อให้ได้คำตอบหรือวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง การวางแผนในการแก้ปัญหาเป็นขั้นตอนที่ใช้เหตุผลในการคิดหาวิธีการแก้ปัญหาที่ตรงกับสาเหตุและเป็นไปได้มากที่สุด ผู้สอนจะต้องมีความสามารถในการแนะนำหรือหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้กับผู้เรียน ในที่สุดผู้เรียนจะได้ฝึกคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่มีอยู่
ผู้สอนและผู้เรียนอาจร่วมกันตั้งปัญหา
ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล
นำมาพิจารณาว่าน่าเชื่อถือประการใด
เพื่อนำไปวิเคราะห์และทดสอบสมมติฐานที่ตั้งไว้
ขั้นสรุปผล
เมื่อได้ข้อสรุปแล้วควรนำมาพิจารณาตรวจสอบอีกครั้ง
สรุปในรูปของหลักการที่จะนำไปอธิบายเป็นคำตอบหรือวิธีแก้ปัญหา
เป็นขั้นที่นำข้อมูลมาพิจารณาแปลความหมาย
ระหว่างสาเหตุกับผลที่เกิดชึ้น
ขั้นกำหนดปัญหา
ตั้งคำถามให้ผู้เรียนเกิดข้อสงสัย เช่นการใช้คำถาม
การเล่าประสบการณ์หรือการสร้างสถานการณ์ให้เกิดปัญหา
- ปํญหาที่เกิดจากประสบการณ์ของผู้เรียน
ได้แก่ ปัญหากฎหมาย ปัญหาชีวิต ปัญหาสิ่งแวดล้อม
- ปัญหาที่เกี่ยวกับสังคมที่พบเห็น
จากสภาพแวดล้อมของตัวผู้เรียน
- ปัญหาที่มาจากความสนใจของผู้เรียน
หรือปัญหาที่มาจากบทเรียน
ขั้นเก็บรวบรวมข้อมูล
ใช้วิธีการจดบันทึกข้อมูลอย่างเป็นระบบ
เพื่อนำมาทดสอบสมมติฐาต
เป็นขั้นที่ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าความรู้จากแหล่งต่าง ๆ
การทดลอง
ตำราเรียน
อินเทอร์เน็ต
เช่นห้องสมุด
ขั้นวางแผนปัญหา
ใช้วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดเป็นไปได้มากที่สุด
ใช้เหตุผลในการคิดหาวิธีการแก้ปัญหาให้ตรงกับสาเหตุ
ขั้นที่มีการวางแผน หรือออกแบบวิธีการหาคำตอบ
จากสมมติฐานที่ได้ตั้งไว้
ขั้นตั้งสมมติฐาน
แนวทางการคิดเพื่อตั้งสมมติฐาน
เช่นปัญหานั้นมีสาเหตุมาจากอะไร หรือปัญหานี้แก้ไขได้โดยวิธีใด
พิจารณาแยกปัญหาใหญ่เป็นปัญหาย่อย
คิดอย่างเป็นระบบ
ใช้เหตุผลในการคิดวิเคราะห์และคาดคะเนคำตอบ
เป็นการคาดคะเนคำตอบ โดยใช้ความรู้และประสบการณ์
ข้อจำกัด
1. ต้องใช้เวลาในการเรียนู้ค่อนข้างมาก
2. ปัญหาต้องมีความน่าสนใจเหมาะสมกับวัย
5. ความสามารถของผู้เรียนมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสติปัญญา ความรู้ ประสบการณ์ แรงจูงใจ และอารมณ์
4. ผู้สอนจะต้องมีความสามารถในการช่วยแนะนำหรือหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้กับนักเรียน
3. ผู้เรียนต้องมีทักษะในการค้นคว้าหาข้อมูล
ประโยชน์
4. ผู้เรียนได้ฝึกการค้นคว้าหาข้อมูลจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ทำให้ได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่หลากหลาย
3. ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการทำงานร่วมกับการทำกิจกรรมกลุ่ม
2. ผู้เรียนได้ฝึกคิดและแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง
ใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ
หาเหตุผล
วิเคราะห์
การสังเกต
1. ทำให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียน
5. ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจจากประสบการณ์ตรง
วิธีสอนแบบแก้ปัญหา
(Problem Solving Method)
ประโยชน์และข้อจำกัด
หลักการสำคัญ
นำกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในขั้นตอนการจัดกิจกรรม
มีการจัดบรรยากาศในชั้นเรียนเป็นประชาธิปไตย
เน้นทักษะการแสวงหาความรู้ การค้นพบ การสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง
ให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง ได้ลงมือกระทำกิจกรรมการเรียนรู้
วิธีการ
ผู้สอนจะต้องให้โอกาสผู้เรียนใช้ความคิดและฝึกการแก้ปัญหา
เพื่อให้เกิดคสามชำนาญ จะทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ในการจัดการเรียนรู้แบบแก้ปัญหา
ผู้สอนจะต้องจัดสภาพแวดล้อมหรือบรรยากาศการเรียนรู้
ที่เอื้อต่อการใช้กระบวนการคิดแก้ปัญหา
ความหมาย
ผู้เรียนจะเป็นผู้แก้ปัญหา หรือหาคำตอบด้วยตนเอง
เป็นปัญหาใหม่ที่ผู้เรียนยังไม่เคยประสบมาก่อน
และไม่เกินทักษะทางเชาวน์ปัญญาของผู้เรียน
ผู้สอนเป็นผู้เสนอปัญหาหรือผู้สอนและผู้เรียนจะร่วมกัน
กำหนดปัญหาที่มีความสำคัญ
เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียน
ให้เรียนรู้ตามกระบวนการโดยเริ่มต้นตั้งแต่มี
การกำหนดปัญหา วางแผนแก้ปัญหา ตั้งสมมติฐาน เก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผล
ขั้นตอนการสอน
วัตถุประสงค์
3. ฝึกการคิด
การเชื่อมโยงความรู้ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในตนเอง
2. ฝึกการแก้ไขปัญหา
เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่เกิดในชีวิตจริง
1. ฝึกทักษะการสังเกต
การสรุปผล
การวิเคราะห์ปัญหา
การเก็บข้อมูล